ตลท.รายงานภาพรวมการซื้อขายสิงหาคม วอลุ่มเทรดเฉลี่ย/วัน อยู่ที่ระดับ 5.6 หมื่นล้านบาท Set index ปรับตัวลดลง 7.01% รวม 8 เดือน ต่างชาติขาย 115,837 ล้านบาท ในทิศทางเดียวกับกลุ่มประเทศเกิดใหม่ จากแรงกดดันการปรับลดวงเงิน QE3 และตัวเลขเศรษฐกิจจีนขยายตัวลดลง ประกอบกับจีดีพีไทยในไตรมาส 2 เติบโตต่ำกว่าคาดการณ์
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ สายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและการเงิน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงภาพรวมการซื้อขายหลักทรัพย์ในเดือนสิงหาคม 2556 พบว่า SET Index อยู่ที่ 1,294.30 จุด ลดลงร้อยละ 7.01 จากสิ้นปี 2555 และลดลงร้อยละ 9.05 จากสิ้นเดือนก่อน
สำหรับมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันโดยรวม ทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดเอ็มเอไอ สิ้นเดือนสิงหาคม อยู่ที่ 4 หมื่นล้านบาท ปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้า ร้อยละ 12.93 แต่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 36.23 ส่งผลให้ทั้งเดือนตั้งแต่มกราคม-สิงหาคม มีมูลค่าการส่งซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน รวมอยู่ที่ 56,716ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 89.88
ทั้งนี้ พบว่าในเดือนสิงหาคม ตลาดทุนโลกโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (emerging market) รวมถึงตลาดทุนไทย ได้รับผลกระทบจากแนวโน้มที่จะมีการปรับลดวงเงินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของสหรัฐอเมริกา และตัวเลขเศรษฐกิจจีนซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราลดลง ประกอบกับตัวเลขจีดีพีของไทยในไตรมาส 2/2556 เติบโตต่ำกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย คาดการณ์ไว้ และการปรับลดประมาณการในปี 2556 ลงจากปัจจัยด้านการบริโภคภาคเอกชนชะลอตัว และการส่งออกที่ฟื้นตัวช้า ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับลดลงมากที่สุดเมื่อเทียบกับในภูมิภาค และผู้ลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิ
สำหรับ Market capitalization ของ SET และ mai ปรับตามทิศทางดัชนีตลาดหลักทรัพย์ โดยของ SET อยู่ที่ 11,286,883 ล้านบาท ลดลง 8.64% จากเดือนก่อน และลดลง 4.60% จากสิ้นปี 2555 ขณะที่ของ mai อยู่ที่ 153,002 ล้านบาท ลดลง 14.42% จากเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้น 15.02% จากสิ้นปี 2555
ส่วน Forward P/E ratio ของ SET อยู่ที่ 12.57 เท่า ลดลงจาก 13.51 เท่าในเดือนก่อนหน้า และต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ยของภูมิภาคที่ 13.08 เท่า สำหรับ mai อยู่ที่ 14.33 เท่า ลดลงจาก 16.91 เท่าในเดือนก่อนหน้า และอัตราเงินปันผลตอบแทนของ SET อยู่ที่ 3.36% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคที่ 2.88% และ mai อยู่ที่ 1.98%
“สัดส่วนมูลค่าการซื้อขายแยกตามกลุ่มผู้ลงทุน พบว่า ผู้ลงทุนต่างประเทศ และบริษัทหลักทรัพย์มีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงขึ้น ขณะที่ผู้ลงทุนบุคคลในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 48.18% ของมูลค่าการซื้อขายรวม ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ต่ำสุดในรอบ 76 เดือน นับจากเดือนพฤษภาคม 2550 (เมษายน 2550 อยู่ที่ 46.14%) โดยผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ ใน SET และ mai รวม 39,994 ล้านบาท และในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2556 ผู้ลงทุนต่างประเทศและบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิที่ 115,837 ล้านบาท และ 10,787 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ และผู้ลงทุนบุคคลในประเทศเป็นผู้ซื้อสุทธิที่ 70,975 ล้านบาท และ 55,649 ล้านบาท ตามลำดับ”
ขณะเดียวกัน ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณสัญญาซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 54,065 สัญญา ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้น 28.61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และในช่วงเดือนมกราคม-สิงหาคม 2556 มีปริมาณสัญญาซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 72,409 สัญญา เพิ่มขึ้น 65.23% จากปี 2555 ซึ่งอยู่ที่ 43,823 สัญญาโดย 50 Baht Gold Futures และ 10 Baht Gold Futures มีปริมาณสัญญาซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 49.25% และ 51.56% จากเดือนก่อนหน้าตามลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาทองคำในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น