xs
xsm
sm
md
lg

นักวิจัยสำรวจพบ พนันบาคาราระบาดหนักหน้า ม.อุบลราชธานี ขณะที่ผู้หญิงชอบเล่นหวยใต้ดินมากกว่าผู้ชาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อุบลราชานี - เผยยอดพนันบั้งไฟภาคอีสานมีเงินหมุนเวียนกว่าห้าหมื่นล้านบาท ส่วนผู้หญิงชอบเล่นพนันหวยใต้ดินมากกว่าผู้ชาย ขณะที่เครือข่ายเยาวชนลดพนัน พบร้านบาคาราหน้ามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี นักวิชาการแนะแก้กฎหมายการพนันล้าหลัง พร้อมจำกัดวงไม่ให้เด็กเข้าถึงแหล่งพนันได้ง่าย

วันนี้ (10 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่อาคารปฏิบัติการโรงแรม มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนันจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และศูนย์วิจัยสังคมอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “แนวทางการขับเคลื่อนเรื่องการพนันในสังคมอีสานและชายแดน” โดยมีเครือข่ายภาคประชาชนและนักศึกษาเข้าร่วมกว่า 200 คน

รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า จากการวิจัยสถานการณ์ พฤติกรรม และผลกระทบการพนันในประเทศไทย ระหว่างเดือนธันวาคม 2553 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2554 จากกลุ่มตัวอย่างในจังหวัด 16 จังหวัด 5,042 ตัวอย่าง พบยอดเงินซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล 76,770 ล้านบาท หวยใต้ดิน 102,058 ล้านบาท และพบผู้หญิงชอบเล่นหวยใต้ดินมากกว่าผู้ชาย ส่วนผู้ชายชอบเล่นทายพนันผลฟุตบอล และการพนันในบ่อนมากกว่าผู้หญิง

สำหรับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการเล่นพนัน คือ รวยขึ้น 2.6% จนลง 8.7% และ 93.6% ของผู้เล่นการพนันไม่เคยถูกจับลงโทษ

ดร.วิเชียร ตันศิริมงคล ประธานหลักสูตรรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ผู้ทำวิจัยบ่อนการพนันตามแนวชายแดน กล่าวว่า ปัจจุบันกฎหมายไทยมีความล้าหลังมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ใช้ช่องโหว่ของกฎหมายเรียกรับผลประโยชน์ จึงเป็นที่มาของการไม่อยากแก้กฎหมายการพนัน ทำให้การพนันเป็นเรื่องที่ปราบอย่างไรก็ไม่หมด เพราะบางอย่างเราเข้าใจว่าเป็นเรื่องถูกกฎหมาย เช่น สลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งขายเกินราคา แต่แก้ไม่ได้เพราะกองสลากเป็นฐานผลประโยชน์ของนักการเมือง โดยแต่ละงวดมีการพิมพ์สลากถึง 72 ล้านฉบับ

“ถ้าไม่แก้กฎหมายการพนัน ปัญหาก็ไม่หมด ที่สำคัญต้องทำให้ภาคประชาชนมีความเข้มแข็ง โดยการให้ความรู้ และตระหนักถึงพิษภัยของการพนัน และนำความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่ในชุมชนเพราะจะเป็นทางออกของปัญหา”

ขณะที่นายสมพร เหลาคม เครือข่ายครอบครัว จ.สุรินทร์ กล่าวว่า การพนันเป็นวัฒนธรรมของคนไทยตั้งแต่สมัยโบราณ ยากที่จะแก้ปัญหา เมื่อรณรงค์เพื่อลดการเล่นการพนันต้องเจออุปสรรคทั้งจากผู้นำชุมชน และนักพนันในท้องถิ่น ตนเจอกับครูคนหนึ่งที่ด่านช่องจอม ถามจะเข้าไปทำอะไร ครูคนนั้นตอบว่าอยากหาอะไรทำที่ร่ำรวย แต่ยิ่งเล่นยิ่งจน ต่อมาทราบว่าครูรายนี้ต้องเอารถเก๋งของตัวเองไปจำนำเพื่อใช้หนี้พนัน การแก้ปัญหาจึงต้องเริ่มที่ตัวเองและครอบครัว

รศ.ดร.ไชยยันต์ รัชชกูล คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวว่า การพนันบางชนิดคนเล่นไม่ได้รู้สึกเป็นการพนัน เช่น สลากกินแบ่งรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องไม่ผิดกฎหมาย จึงยากที่จะไปห้ามให้เลิกเล่น แต่ควรจำกัดพื้นที่ ขอบเขต เวลา และต้องทำให้การพนันเป็นเรื่องที่ยากต่อการเข้าถึง ทั้งนี้ยังต้องมีการกำหนดช่วงเวลารายการโทรทัศน์ที่กระตุ้นให้มีการเล่นการพนัน เช่น การถ่ายทอดสดการชกมวยไว้ด้วย เพื่อไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงได้อย่างสะดวก

นายภูมิรัฐ เวียงสมุทร ตัวแทนเครือข่ายเยาวชนลดพนัน และนักศึกษาปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวว่า ปัจจุบันมีร้านพนันออนไลน์อยู่หน้ามหาวิทยาลัยอุบลราชธานีมากที่สุดเมื่อเทียบกับ 4 สถาบันการศึกษาที่เข้าร่วมในเครือข่าย คือ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ โรงเรียนพาณิชย์เชียงราย ทั้งที่สถานีตำรวจย่อย สภ.วารินชำราบตั้งอยู่ไม่ห่างจากร้านพนันดังกล่าว แต่ก็ไม่มีการปราบปราม

“ยอมรับอดีตติดการพนันออนไลน์ หรือบาคาราจากการชักชวนของเพื่อน และก็อยากเป็นที่ยอมรับของเพื่อน นำเงินที่แม่ส่งมาให้เป็นค่ากิน ค่าที่พักไปเล่น แต่พบว่ายิ่งเล่นยิ่งเสีย จึงอยากได้เงินกลับคืนจึงต้องเพิ่มจำนวนเงินเล่นมากขึ้น สุดท้ายเอาเงินค่าเทอมที่แม่ส่งมาให้ไปเล่นจนหมด ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม รู้สึกทุกข์ใจมาก และจะไม่เรียนต่อ จึงบอกความจริงกับแม่ และตั้งใจไปทำงานหาเลี้ยงแม่ แต่แม่บอกมีลูกคนเดียวยังไงต้องส่งให้เรียนจนจบ ขณะคุยกันแม่น้ำตาไหล จึงขอโทษแม่ และสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนันอีก”

ขณะที่ น.ส.สดใส สร่างโศรก ผู้วิจัยโครงการการพนันบั้งไฟ โดยเก็บข้อมูลวิจัยในพื้นที่อีสานใต้ อันเป็นพื้นที่เริ่มต้นการจัดบั้งไฟ มีศูนย์กลางการศึกษาอยู่ที่ จ.ศรีสะเกษ พบว่าการแข่งขันบั้งไฟไม่มีในกฎหมาย ในทางปฏิบัติหมู่บ้านที่จัดงานบุญบั้งไฟ และเป็นสนามแข่งขันบั้งไฟต้องทำประชาคมหมู่บ้านก่อน และมีการเปิดให้เล่นได้ตลอดทั้งปี แข่งขันทำกันได้ง่าย เพียงแค่ตัดสินกันที่ระยะเวลาที่อยู่ในอากาศ ซึ่งนักพนันที่ชนะจะได้เงินจากผู้จัดไป

ส่วนการพนันบั้งไฟใหญ่ไม่มีการเปิดราคาหน้าฐาน แต่คู่พนันจะตกลงกันเอง เป็นการเปิดโอกาสให้นักพนันมีความหลากหลายมากขึ้น ทำให้ทั่วทั้งภาคอีสานมีวงเงินเดิมพันสูงกว่า 5.6 หมื่นล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น