ASTVผู้จัดการรายวัน- ตลาดหลักทรัพย์ฯกำลังศึกษาเพิ่มประสิทธิมาตการกำกับดูแลการซื้อขายหุ้น มากขึ้น หลังใช้เกณฑ์แคลชบาลานซ์แล้ว ราคาหุ้นวิ่งต่อ เหตุ วอลุ่มเทรดปรับตัวเพิ่มขึ้นจากหุ้นเก็งกำไร พร้อมเตรียมแผนเปิดประตูสู่การลงทุนประเทศลุ่มน้ำโขง
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและการเงิน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะมีการดำเนินใช้มาตรการกำกับดูแลการซื้อขายให้มีประสทธิภาพมากขึ้น และทำให้ผู้ที่จะเข้ามาสร้างราคาหุ้นทำได้ยากขึ้น เนื่องจาก ช่วงเดือนมกราคม มูลค่าการซื้อขายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก 3.2 หมื่นล้านบาท เป็น 5.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 60-80% ซึ่งพบว่านักลงทุนรายย่อยมีสัดส่วนการซื้อขายที่มากขึ้น จาก 52% เป็น 62% และ มูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นมาจากหุ้นขนาดกลางตั้งแต่SET 51-100 และ มีค่าP/E สูงเกิน 40 เท่า
ทั้งนี้จากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีมาตการดูแลหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงขึ้นกว่าปกติ โดยให้บล.ดำเนินการให้นักลงทุนวางเงินสดเต็มจำนวนก่อนซื้อหุ้น (แคลชบาลานซ์)นั้น พบว่า หุ้นที่ติดแคลชบาลานซ์นั้น มีวอลุ่มการซื้อขายที่ลดลง แต่ราคาหุ้นไม่มีการปรับตัวลดลง แต่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯกำลังหารือกับทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรดี
"การเก็งกำไรนั้นไม่ถือว่าผิด หากมีปัจจัยพื้นฐานรองรับ จากการที่วอลุ่มเทรดปรับตัวเพิ่มขึ้น สูงในหุ้นNON SET 50 -100 และหุ้นมีค่าP/E สูง เกิน 40 เท่า ขณะนี้มีหลาย 100 ตัว จากที่ผ่านมาไม่ถึง 100 ตัว ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต.มีความกังวล จากที่การซื้อขายมีกการเก็งกำไรสูงขึ้น ในบางกลุ่ม ซึ่งก.ล.ต.ให้บล.มีการทำการรู้จักตัวตนลูกค้า (KYC) และตลดาหลักทรัพย์ฯมีประกาศรายชื่อหุ้นที่ติดแคลชบาลานซ์ เพื่อเตือนนักลงทุน ในหุ้นที่มีการหมุนเยอะ ซึ่งจากนักลงทุนเข้ามาเยอะ จึงต้องมีการดูแลมากขึ้น "นายภากร กล่าว
สำหรังแผนงานระยะยาวของตลาดหลักทรัพย์ ต้องการที่จะเป็น ประตูสู่การลงทุนประเทศลุ่มน้ำโขง (CLMV) ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว พม่าและเวียดนาม มีโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสูง และมีความต้องการลงทุน ระดมทุนอีกเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันจะมีกลุ่มผู้ลงทุนต้องการไปลงทุนในกลุ่มประเทศเหล่านี้ ทางตลาดหลักทรัพย์เห็นว่าเป็นโอกาสในอันที่จะเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงของผู้ที่ต้องการลงทุน และระดมทุน โดยจะต้องสร้างให้ประเทศไทยเป็นฐาน
ทั้งนี้สามารถทำได้ 3 แนวทางด้วยกัน1.การใช้เครื่องมือตราสารแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิง (TDR) โดยเป็นการนำหุ้นจากประเทศดังกล่าว มาให้นักลงทุนในไทยสามารถได้ซื้อขาย 2.การจดทะเบียน สองตลาด (ดูโอ และครอส ลิสติ้ง) และ3. การให้บริษัทที่เข้าไปร่วมลงทุนในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง เข้าจดทะเบียนในเกณฑ์ของโฮลดิ้งคอมพานี
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 แนวทางนี้ บางข้อต้องมีการปรับกฎเกณฑ์เพิ่มเติม เช่น เกณฑ์โฮลดิง ยังมีประเด็นเรื่องของภาษีเงินปันผล ขณะที่การจดทะเบียนสองตลาดนั้นอาจมีปัญหาเรื่องมาตรฐานทางบัญชี การเปิดเผยข้อมูล ของกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงอาจยังไม่ได้มาตรฐานสากล ซึ่งในประเด็นนี้ ตลาดหลักทรัพย์มีแนวคิดว่า อาจเปิดให้ซื้อขายอีกกกระดาน แยกชัดเจนออกจากSET โดยนำสินค้าที่ในกลุ่มลุ่มน้ำโขง เปิดให้ซื้อขาย แต่จะจำกัดกลุ่มผู้ลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนจะต้องมีความรู้ความเข้าหรือ หรือได้รับอนุญาตจากก.ล.ต.ในกลุ่มนักลงทุนประเภทAccredited Investor (AI)
นายภากร ปีตธวัชชัย รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กรและการเงิน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะมีการดำเนินใช้มาตรการกำกับดูแลการซื้อขายให้มีประสทธิภาพมากขึ้น และทำให้ผู้ที่จะเข้ามาสร้างราคาหุ้นทำได้ยากขึ้น เนื่องจาก ช่วงเดือนมกราคม มูลค่าการซื้อขายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก 3.2 หมื่นล้านบาท เป็น 5.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 60-80% ซึ่งพบว่านักลงทุนรายย่อยมีสัดส่วนการซื้อขายที่มากขึ้น จาก 52% เป็น 62% และ มูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นมาจากหุ้นขนาดกลางตั้งแต่SET 51-100 และ มีค่าP/E สูงเกิน 40 เท่า
ทั้งนี้จากการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีมาตการดูแลหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงขึ้นกว่าปกติ โดยให้บล.ดำเนินการให้นักลงทุนวางเงินสดเต็มจำนวนก่อนซื้อหุ้น (แคลชบาลานซ์)นั้น พบว่า หุ้นที่ติดแคลชบาลานซ์นั้น มีวอลุ่มการซื้อขายที่ลดลง แต่ราคาหุ้นไม่มีการปรับตัวลดลง แต่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯกำลังหารือกับทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรดี
"การเก็งกำไรนั้นไม่ถือว่าผิด หากมีปัจจัยพื้นฐานรองรับ จากการที่วอลุ่มเทรดปรับตัวเพิ่มขึ้น สูงในหุ้นNON SET 50 -100 และหุ้นมีค่าP/E สูง เกิน 40 เท่า ขณะนี้มีหลาย 100 ตัว จากที่ผ่านมาไม่ถึง 100 ตัว ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต.มีความกังวล จากที่การซื้อขายมีกการเก็งกำไรสูงขึ้น ในบางกลุ่ม ซึ่งก.ล.ต.ให้บล.มีการทำการรู้จักตัวตนลูกค้า (KYC) และตลดาหลักทรัพย์ฯมีประกาศรายชื่อหุ้นที่ติดแคลชบาลานซ์ เพื่อเตือนนักลงทุน ในหุ้นที่มีการหมุนเยอะ ซึ่งจากนักลงทุนเข้ามาเยอะ จึงต้องมีการดูแลมากขึ้น "นายภากร กล่าว
สำหรังแผนงานระยะยาวของตลาดหลักทรัพย์ ต้องการที่จะเป็น ประตูสู่การลงทุนประเทศลุ่มน้ำโขง (CLMV) ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว พม่าและเวียดนาม มีโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสูง และมีความต้องการลงทุน ระดมทุนอีกเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันจะมีกลุ่มผู้ลงทุนต้องการไปลงทุนในกลุ่มประเทศเหล่านี้ ทางตลาดหลักทรัพย์เห็นว่าเป็นโอกาสในอันที่จะเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงของผู้ที่ต้องการลงทุน และระดมทุน โดยจะต้องสร้างให้ประเทศไทยเป็นฐาน
ทั้งนี้สามารถทำได้ 3 แนวทางด้วยกัน1.การใช้เครื่องมือตราสารแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิง (TDR) โดยเป็นการนำหุ้นจากประเทศดังกล่าว มาให้นักลงทุนในไทยสามารถได้ซื้อขาย 2.การจดทะเบียน สองตลาด (ดูโอ และครอส ลิสติ้ง) และ3. การให้บริษัทที่เข้าไปร่วมลงทุนในกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง เข้าจดทะเบียนในเกณฑ์ของโฮลดิ้งคอมพานี
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 3 แนวทางนี้ บางข้อต้องมีการปรับกฎเกณฑ์เพิ่มเติม เช่น เกณฑ์โฮลดิง ยังมีประเด็นเรื่องของภาษีเงินปันผล ขณะที่การจดทะเบียนสองตลาดนั้นอาจมีปัญหาเรื่องมาตรฐานทางบัญชี การเปิดเผยข้อมูล ของกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงอาจยังไม่ได้มาตรฐานสากล ซึ่งในประเด็นนี้ ตลาดหลักทรัพย์มีแนวคิดว่า อาจเปิดให้ซื้อขายอีกกกระดาน แยกชัดเจนออกจากSET โดยนำสินค้าที่ในกลุ่มลุ่มน้ำโขง เปิดให้ซื้อขาย แต่จะจำกัดกลุ่มผู้ลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนจะต้องมีความรู้ความเข้าหรือ หรือได้รับอนุญาตจากก.ล.ต.ในกลุ่มนักลงทุนประเภทAccredited Investor (AI)