xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์คาด ศก.ฟุบดอกเบี้ยลงแนะออมสั้นช่วง 1 ปี รอขาขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ประเมินเศรษฐกิจอ่อนแรง อาจกดดันดอกเบี้ยนโยบายปรับลดลงในปลายปีนี้ และกลับเป็นขากลับในระยะต่อไป ขณะที่ดอกเบี้ยแบงก์ยังวิ่งตามสภาพคล่อง แนะผู้ออมลงทุนเงินฝาก-ตราสาร 1 ปี รอทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี (TMB Analytics)ประเมินภาพรวมภาวะเศรษฐกิจไทยที่ดูอ่อนแรง ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่ยังต่ำเฉลี่ยช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ร้อยละ 2.47 ทำให้มีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจปรับลงได้อีกเล็กน้อยจากปัจจุบันร้อยละ 2.50 เป็นร้อยละ 2.25 สำหรับการประชุมที่เหลืออีก 2 ครั้งในเดือนตุลาคม และพฤศจิกายนปีนี้ หลังจากนั้น อัตราดอกเบี้ยจะทรงตัวไปจนถึงไตรมาส 3 ปีหน้า และจะเริ่มเป็นอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 ตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่จะปรับตัวดีขึ้น และอัตราดอกเบี้ยต่างประเทศที่กำลังปรับตัวเป็นขาขึ้นเช่นกัน

นอกจากคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจมหภาคดังกล่าวข้างต้นแล้ว การปรับตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในตลาดรอง ก็เป็นอีกตัวชี้วัดหนึ่งที่แสดงถึงความเป็นไปของทิศทางดอกเบี้ยในอนาคตได้ สังเกตจากสถิติที่ผ่านมาพบว่า ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนในตลาดรองของพันธบัตรอายุ 10 ปี กับ 1 เดือน จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสักระยะหนึ่ง (ประมาณ 1 ปี) ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะส่งสัญญาณเป็นช่วงขาขึ้นตามมา ซึ่ง ณ ขณะนี้ ลักษณะส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั้ง 2 ดังกล่าว ได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากที่เคยอยู่ใกล้ระดับร้อยละ 0 ในปี 2554 มาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 2 ในปัจจุบัน ดังนั้น จึงสามารถประเมินได้ว่า หากไม่มีสถานการณ์ผิดปกติรุนแรงจนกระทั่งกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจการเงินอย่างมีนัยสำคัญแล้ว ทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นก็จะเริ่มในราวไตรมาสสุดท้ายของปีหน้า

ส่วนอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ จากภาวะสภาพคล่องในระบบธนาคารที่มีความโน้มเอียงตึงตัวจากยอดสินเชื่อได้เติบโตสูงอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จนถึงครึ่งปีแรกนี้ ยังจะอยู่ในภาวะเดิมต่อไป แม้การปล่อยสินเชื่ออาจจะชะลอลงได้ในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ความต้องการเงินจากโครงการขนาดใหญ่ของรัฐที่ทยอยเริ่มขึ้น ก็จะเป็นปัจจัยดึงสภาพคล่องต่อไปได้ จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นการปิดประตูดอกเบี้ยขาลง เห็นได้จากการเตรียมพร้อมสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์แทบทุกแห่ง ที่ไม่ได้ลดอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝาก และเงินกู้ลงตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลงครั้งล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ปัจจุบัน เนื่องจากเป็นช่วงที่ภาวะการลงทุนในสินทรัพย์ที่เคยให้ผลตอบแทนสูงๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตราสารทุน หรือสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ เช่น ทองคำ มีความเสี่ยงทางลบมากกว่าทางบวก หรือยังมีความผันผวนสูงมากๆ ดังนั้น การเลือกลงเงินฝาก หรือกองทุนตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำจึงมีความน่าสนใจ และผู้ออมก็สามารถทำให้การฝากเงิน หรือซื้อกองทุนตราสารหนี้มีผลตอบแทนที่มากขึ้นได้ โดยใช้เทคนิคการประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ย พิจารณาช่วงจังหวะในการลงทุน ซึ่งจากการประเมินทิศทางดอกเบี้ยดังกล่าวข้างต้น การฝากเงิน หรือลงทุนตราสารหนี้ในระยะอายุครบกำหนดไม่เกิน 1 ปี ไปก่อน เพื่อรอดอกเบี้ยกลับทิศเป็นขาขึ้นอีกในราวหนึ่งปีข้างหน้า เป็นกลยุทธ์ที่สามารถนำมาใช้ได้

ดังนั้น หากผู้ออมหันมาติดตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่จะเป็นไปในอนาคต ที่ถึงแม้บางช่วงการพยากรณ์อาจจะคลาดเคลื่อนกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงไปบ้าง และอาจทำให้จังหวะการออมไม่ได้ผลตอบแทนสูงสุดตามวัฏจักรดอกเบี้ยเสมอไป แต่ความเสี่ยงต่อการสูญเงินต้นนั้นมีน้อยมาก หรืออาจกล่าวได้ว่าไม่มีเลยหากเป็นเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายกำหนด ซึ่งกลยุทธ์เล็กๆ น้อยๆ แต่มีความหมายสำหรับผู้ออมที่ยอมรับความเสี่ยงได้น้อย หรือไม่ต้องการมีความเสี่ยงต่อเงินออม โดยเฉพาะผู้ออมกลุ่มวัยเกษียณที่ต้องการความมั่นคง แต่มีผลตอบแทนตามสมควร
กำลังโหลดความคิดเห็น