ธนาพัฒน์ฯ จ่อขายตึกเล้าเป้งง้วนเข้ากองทุน เผยอยู่ระหว่างยื่นไฟลิ่ง คาดเปิดขายได้ภายในสิ้นปีนี้ ระบุสร้างรายได้ค่าเช่าปีละกว่า 150 ล้านบาท จ่อนำเงินลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ทั้งในกรุงเทพฯ และภูเก็ต
ดร.ดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะนำอาคารสำนักงานเล้าเป้งง้วน ถนนวิภาวดี เข้ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยได้แต่งตั้งบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน ฟินันซ่า จำกัด เป็นผู้ดำเนินการยื่นไฟลิ่งต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยได้ดำเนินการไปเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา และมีบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้แทนการจัดจำหน่าย
“ขณะนี้อยู่ระหว่างการรออนุมัติจาก ก.ล.ต. คาดว่าจะสามารถขายหน่วยลงทุนได้ภายในปีนี้ โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าผู้ที่เข้ามาถือหน่วยลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า และมั่นคง เพราะอาคารสำนักงานดังกล่าวมีรายได้จากค่าเช่าอย่างต่อเนื่องปีละ 150 ล้านบาทขึ้นไป และมีการปรับราคาเช่าอย่างต่อเนื่องครั้งละประมาณ 3-5%” ดร.ดลพิวัฒน์กล่าว
อนึ่ง อาคารเล้าเป้งง้วน เป็นอาคารสำนักงานสูง 32 ชั้น มีพื้นที่ขาย-เช่า รวม 35,000 ตารางเมตร(ตร.ม.) ปัจจุบันมีผู้เช่ารวมกว่า 90% โดยราคาเช่าปัจจุบันอยู่ที่ 450 บาท/ตร.ม./เดือน ซึ่งเป็นการทำสัญญาเช่า 3 ปี ต่อ 3 ปี
ทั้งนี้ เงินที่ระดมทุนได้จะนำไปใช้ใน 2 ส่วน คือ ใช้หนี้สถาบันการเงิน และซื้อที่ดิน เพื่อพัฒนาโครงการต่อเนื่องในปี 2557 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ ทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไป ประมาณปีละ 2,000-3,000 ล้านบาทขึ้นไป
โดยที่ดินที่จะซื้อเพื่อพัฒนาโครงการนั้นบริษัทฯ จะรุกทั้งโครงการคอนโดฯ-ทาวน์โฮม ในกรุงเทพฯ และภูเก็ต ประมาณ 3-4 โครงการ ขณะนี้มีที่ดินรองรับแล้ว 1 แปลงคือ ย่านสาธุประดิษฐ์ บนที่ดิน 20 ไร่ (เดิมเป็นโรงงานเหล็กขึ้นรูปของกลุ่มเล่าเป้งง้วน ปัจจุบันย้ายไปรวมกันที่โรงงาน จ.สมุทรปราการแล้ว) โดยจะแบ่งพัฒนาเป็นเฟสๆ แรกใช้ที่ดินประมาณ 6 ไร่ พัฒนาเป็นทาวน์โฮม สูง 4 ชั้น ขนาด 20 ตารางวา ราคาเฉลี่ยประมาณ 13 ล้านบาท จำนวนกว่า 60 ยูนิต มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายประมาณเดือนพฤศจิกายน 2556 นี้
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะซื้อที่ดินบริเวณใกล้เคียงเพิ่มเพื่อพัฒนาโครงการในอนาคต ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินย่านวิภาวดี พหลโยธิน ส่วนที่ดินสะสมที่ภูเก็ต ประมาณ 3 แปลงๆ ละประมาณ 10 ไร่ มีแผนที่จะนำมาทยอยพัฒนา โดยคาดว่าจะเริ่มพัฒนาได้ในช่วงกลางปีหน้า
“เราสนใจลงทุนอาคารสำนักงานอีก แต่ด้วยกฎหมายใหม่ส่งผลให้พัฒนายาก และไม่คุ้มค่าการลงทุน หากพัฒนาต้องมีที่ดินเดิม หรือเป็นที่เช่า แต่เชื่อว่าความต้องการอาคารสำนักงานยังมีอีกมาก ทั้งนี้ หากมีโอกาสก็จะกลับมาพัฒนา โดยเน้นที่ดินเกาะแนวรถไฟฟ้าเป็นหลัก”