xs
xsm
sm
md
lg

“เอ็นพาร์ค” ระส่ำหลังหัวเรือใหญ่ “ประชา มาลีนนท์” ถูกจำคุก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นาย ประชา มาลีนนท์
“เอ็นพาร์ค” ระส่ำหลังบิ๊กมาลีนนท์ “ประชา” นกรู้! เผ่นออกนอกหลังศาลฯ ตัดสินจำคุกคดีทุจริตซื้อรถ และเรือดับเพลิง กว่า 6,600 ล้านบาท ด้านผู้บริหาร-ผู้ถือหุ้นบางรายปิดปากเงียบ จับตายุทธศาสตร์อสังหาฯ ล้อไปกับธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ส่อสะดุด วงการจับตาการเปลี่ยนสัดส่วนหุ้นในเอ็นพาร์คที่ปรากฏให้เห็น 4.94% ขณะที่หุ้นเอ็นพาร์ค-บีอีซี ร่วงรับข่าวจำคุก

ภายหลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาให้ นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย (ซึ่งเคยร่วมรัฐบาลในสมัยอดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่หลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ ) และ พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. มีความผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้วประมูล ปี 2542 จากกรณีทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง พร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย ของกรุงเทพมหานคร มูลค่า 6,600 ล้านบาท โดยศาลฯ มีคำพิพากษาให้ลงโทษ นายประชา มาลีนนท์ มีโทษจำคุก 12 ปี โดยไม่รอลงอาญา

และหากมองอาณาจักรทางธุรกิจแล้ว ประชา มาลีนนท์ มีการลงทุนในหลากหลากประเภท ทั้งธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ที่เติบโตอย่างยิ่งใหญ่ ขณะที่ธุรกิจใหม่ๆ อย่างโรงไฟฟ้า ภายใต้ชื่อ “ไทย โซลาร์ เอ็นเนอร์ยี่” (TSE) ธุรกิจผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนจากแสงอาทิตย์ ที่มีหัวเรือใหญ่ ดร.แคทลีน มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ TSE (ลูกสาวนายประชา) รับผิดชอบ (ปัจจุบัน ในยุคที่ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ยังเป็น รมว.พลังงาน ได้ให้การส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจพลังงานทางเลือก ซึ่งก็มีทายาทนักการเมืองเข้าไปลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือกอย่างมาก รวมถึงคนในครอบครัวตระกูลชินวัตร)

ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้ว บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือเอ็นพาร์ค เป็นอีกธุรกิจที่ตระกูลมาลีนนท์ โดยนายประชา ได้เข้ามาสอยหุ้นดังกล่าวผ่านการรับจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนเฉพาะเจาะจงนักลงทุน โดยเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2555 บริษัทฯ ได้แจ้งถึงการอนุมัติให้จัดสรร และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลือ (53,936,699,412 หุ้น) ให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) แก่ นายประชา มาลีนนท์ และบริษัทที่นายประชา เป็นผู้ถือหุ้นเกินกว่า 50% จำนวน 29,500 ล้านหุ้น คิดเป็น 24.50% ของทุนจดทะเบียนที่จะเรียกชำระ ซึ่งต้องใช้เงินในการลงทุนเกือบ 1,000 ล้านบาท

แต่จากการตรวจสอบข้อมูลของบริษัทฯปรากฏว่า เมื่อวันที่ 9 เม.ย.56 ทางบริษัทฯ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า MORGAN STANLEY & CO. INTERNATIONAL PLC ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของบริษัทฯ มี 23,550 ล้านหุ้น สัดส่วน 19.56% นายฟิลิปวีระ บุนนาค 12,000 ล้านหุ้น สัดส่วน 9.96% นายศานติ ประนิช 12,000 ล้านหุ้น สัดส่วน 9.96% และนายประชา มาลีนนท์ 5,950 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.94% ก่อนที่จะถูกศาลฯ ตัดสินมีความผิดในคดีฮั้วการประมูลเรือและรถดับเพลิง

ทั้งนี้ มีกระแสข่าวว่านายประชา ได้หนีออกนอกประเทศไปแล้ว โดยทางผู้สื่อข่าวได้พยายามตลอดทั้งวันของวานนี้ (10 ก.ย.) ติดต่อนายนคร ลักษณกาญจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แนเชอรัล พาร์คฯ แต่ก็ไม่ได้รับคำชี้แจง มีเพียงฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทฯ ระบุผ่านข้อความว่า “วันนี้ ทางผู้บริหารไม่สามารถให้ข้อมูล หรือความเห็นใดๆได้ อย่างไรก็ตาม จะติดตาม และแจ้งอีกครั้ง” รวมถึงทางผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามไปยังผู้ถือหุ้นบริษัทฯ ที่ทำธุรกิจอสังหาฯ เช่นเดียวกัน แต่ได้รับคำตอบว่า “ผู้บริหารประชุมตลอดทั้งวันค่ะ”
นาย นคร ลักษณกาญจน์
จ่อปรับแผนการลงทุนใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงาน ปัจจุบัน เอ็นพาร์ค เปรียบเสมือนคนป่วยที่อาการดีขึ้น ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมา ต้องเจอมรสุมเกี่ยวกับการฟ้องร้องทางคดีของเจ้าหนี้หลายแห่ง จนส่งผลกระทบต่อฐานะการเงิน โดยเฉพาะการตั้งสำรองเงินต้น และดอกเบี้ยจำนวนมหาศาลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการถูกฟ้องร้อง ซึ่งทางเอ็นพาร์ค ก็สามารถฝ่าวิกฤตทางธุรกิจและการเงินมาได้ จนดำเนินการเพิ่มทุนก้อนโต และเริ่มขยายการลงทุนผ่านการเข้าไล่ซื้อโครงการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น ซื้อโรงแรมเซ็นทารา แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดขอนแก่น มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท ซื้อที่ดินย่านรามอินทรา และอ่อนนุช เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมย่านรามอินทรา มูลค่า 400 ล้าน

แต่กระนั้น แนวทางสำคัญอีกอย่างหนึ่งของธุรกิจเอ็นพาร์ค ที่หากอยู่ภายใต้ร่มเงาของ “ประชา มาลีนนท์” แล้วนั่นก็คือ การล้อ และเคลื่อนไปตามกับธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์

ซึ่งในเรื่องนี้ นายนคร ลักษณกาญจน์ กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ เคยให้ข้อมูลก่อนหน้านี้ถึงภาพเอ็นพาร์คว่า “กำลังคุยกับ “ประชา มาลีนนท์” เกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัทลูก เพื่อทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเอนเตอร์เทนเมนต์ ธุรกิจคงไม่หยุดอยู่แค่การทำ “เรียลเอสเตต” อย่างที่ผ่านมา ตอนนี้กำลังศึกษาเจะข้าไปลงทุนในประเทศกัมพูชาด้วย”

“ทุกครั้งที่บริษัทลงทุน “คุณประชา” ก็ต้องลงทุนด้วย เพราะว่าเขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เบื้องต้นกำลังดึงแนวทางที่เขาถนัดออกมาทำงานร่วมกัน ซึ่งเขาชอบด้าน “เอนเตอร์เทนเมนต์” ฉะนั้นคงยึดทางนี้ในการทำธุรกิจ แรกๆ เราคงลงทุนในด้านการเซอร์วิส อธิบายง่ายๆ สมมติ ช่อง 3 ต้องการใช้โรงถ่ายละคร และพื้นที่ในการจัดคอนเสิร์ต เราจะหาให้ อะไรทำนองนั้น ตอนนี้ยังบอกอะไรมากไม่ได้ ต้นปี 2557 คงได้รู้กัน”

ขณะที่โครงการที่ดินโรงภาษีร้อยชักสาม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซอยเจริญกรุง 36 เขตบางรัก กทม. เนื้อที่ 5 ไร่เศษ ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการมาแล้ว และต้องผลักดันให้แล้วเสร็จเพื่อให้เกิดรายได้อาจจะต้องกลับมาทบทวนอีกครั้ง แม้ว่าทางภาครัฐจะดูเหมือนว่าจะไฟเขียวให้เอ็นพาร์คเร่งดำเนินการ แต่จนปัจจุบันแล้วยังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร

ซึ่งหากพิจารณาในเรื่องของตัวเลขผลประกอบการที่สำคัญ ในไตรมาส 2 ปี 56 บริษัทฯ มีสินทรัพย์ 5,765.71 ล้านบาท ดีกว่าช่วง 3 ปีที่ผ่านมา หนี้สิน 1,147.62 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4,617.54 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 415.36 ล้านบาท

ขณะที่ผลจากคดีทำให้เกิดแรงเทขายในหุ้น บริษัท แนเชอรัล พาร์คฯ ปรับตัวร่วงลงเป็นอันดับ 1 ในราคาซื้อขายหุ้นที่ลดลงสูงสุดระหว่างวัน อันดับ 1 ของปริมาณซื้อขายระหว่างวันสูงสุด ด้วยปริมาณ 3,279,754,900 หุ้น และปิด ณ ราคา 0.06 บาท ลดลง 0.01 บาท หรือ -14.29%

“แรงขายหุ้น N-PARK วานนี้มีจำนวนมาก 3.2 พันหุ้น หรือกว่า 214.75 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการขายสูงถึง 71% ของหุ้น N-PARK ที่เทรดกันอยู่ในวันนี้ หลังมีข่าว นายประชา ถูกคำสั่งศาลให้ดำเนินคดี

เช่นเดียวกับ หุ้น บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ของตระกูลมาลีนนท์ ที่ได้รับข่าวร้าย กลายเป็นอีกหนึ่งหลักทรัพย์ที่ปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน โดยปิดตลาด BEC อยู่ที่ระดับ 58.25 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 0.85% มูลค่าซื้อขาย 354.104 ล้านบาท

“มาลีนนท์” ไล่ซื้อโรงแรมเขาใหญ่

ที่ผ่านมา อาณาจักรธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลมาลีนนท์ ส่วนใหญ่จะมุ่งในเชิงธุรกิจรายได้จากค่าเช่าเป็นสำคัญ โดยบุตรชายของนายประวิทย์ มาลีนนท์ ได้ร่วมกับเพื่อนทางธุรกิจจัดตั้งบริษัท บลิส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ขึ้นมา และได้เข้าซื้อโรงแรมจุลดิศ เขาใหญ่ รวมทั้งได้ซื้อโครงการปาลิโอ ที่ติดกับจุลดิศ ไปก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ยังมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มิลเลียนแนร์ (MIPF) ภายใต้การบริหารจัดการกองของ บลจ.วรรณ จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2548 ปัจจุบันมีมูลค่าสินทรัพย์ 2,171 ล้านบาท โดยลงทุนในสิทธิการเช่าอาคารสำนักงานมาลีนนท์ ทาวเวอร์ กับ อาคาร Production House ถนนพระราม 4 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย พื้นที่ใช้สอยรวมประมาณ 12,699.62 ตารางเมตร ลักษณะ และประเภทการใช้งานเป็น Production House ให้เช่า
กำลังโหลดความคิดเห็น