Market View : แนวต้าน 1,300
Technical : แนวรับ 1,290/1,280 แนวต้าน 1,300 /1,325
หุ้นแนะนำพิเศษ : HMPRO แนวรับ 10.00 แนวต้าน 11.40/12.00
หุ้นเด่นรายวัน : PTG TK TOP
วันพุธตลาดหุ้นไทยร่วงลงต่อตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก ดัชนี SET ปิดที่ 1,275.76 จุด ลดลง 18.21 จุด(-1.41%) มูลค่าการซื้อขาย 53,688.70 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอีก 3,055.65 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย ทางฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กฯ คาดมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,250-1,300 ระยะสั้นความผันผวนระหว่างวันและปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีโอกาสที่จะกลับขึ้นทางเทคนิคตามรูปแบบแท่งเทียน ทั้งนี้ตลาดยังคงกังวลต่อปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ในขณะที่ S50U13 ปรับตัวระหว่างวันเน้นยืนแนวรับหลักจิตวิทยา 850 ไม่ควรต่ำกว่าลงมา SET50 การปรับตัวเน้นยืน 860 / 850 GFQ13 เก็งกำไรในกรอบ 21,430-21,770 GFV13 เก็งกำไรในกรอบ 21,680-22,020
กลยุทธ์ มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นแสดงถึงแรงซื้อเก็งกำไรในลักษณะเล่นรอบ และการเข้าซื้อถือหุ้นรายหลักทรัยพ์เนื่องจากราคาที่ปรับต่ำ ยังคงเน้นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง กลุ่มสื่อสารซื้อเก็งกำไร JAS ADVANC DTAC กลุ่มพลังงาน PTTGC BCP กลุ่มโรงพยาบาล การปรับตัวลงเป็นจังหวะเข้าซื้อถือบางส่วน BGH BCH กลุ่มอาหาร M MALEE กลุ่มธนาคาร ปรับลงแรงซื้อ TCAP KKP TMB ขึ้นแรงขายทำรอบ(ปรับตัวซื้อเก็งกำไร) หรือซื้อสะสมบางส่วน KBANK BBL KTB กลุ่มไฟแนนซ์ ASP JMT กลุ่มยานยนตN AH STANLY หุ้นรายหลักทรัพย์ HMPRO STA PAE BEC ระยะกลาง ปรับตัวลงแรง ซื้อเข้าเล็กน้อย
หุ้นแนะนำพิเศษ
HMPRO (ราคาปิด 10.80 ซื้อ เป้าหมาย 18) ผลประกอบการมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่องจากการเปิดสาขาใหม่ใหม่ทุกปี โดยปีนี้มีแผนเปิดสาขาใหม่ 10 สาขารวมเป็น 63 สาขา จากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าแบรนด์ของบริษัทเองซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า และไลฟสไตส์ในการตกแต่งบ้านเอง (DIY -Do It Yourself) ของผู้บริโภค ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิปี 56 ราว 3.3 พันล้านบาทเติบโต 24%YoY ครึ่งแรกของปี 56 มีกำไร 1,422 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 18% คิดเป็น 43% ของประมาณการทั้งปี ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการตามเดิมเนื่องจากเชื่อว่าผลประกอบการครึ่งหลังของปีจะดีกว่าครึ่งแรกจากแผนเปิดสาขาใหม่อีก 7 แห่งและมีการจัดงานโฮมโปรเอ็กซ์โปในช่วงปลายปีราล่าสุดมีข่าวจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับ LH ในการขายพื้นที่เช่าโฮมโปรสาขาหัวหินซึ่งคาดจะสำเร็จในช่วงไตรมาสสุดท้าย
หุ้นเด่นรายวัน
PTG (ราคาปิด 3.40 ซื้อเก็งกำไร) แนวโน้มผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง จากการขยายสาขาส่งผลให้การจำหน่ายน้ำมันมีปริมาณที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นบริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาแผนการขยายปั๊มไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับ AEC (ที่มา : อินโฟเควสท์)
TK (ราคาปิด 8.85 ซื้อเก็งกำไร ) เปิดเผยว่าต่างชาติสนใจขอร่วมทุนหวังขึ้นแท่นในตลาด AEC ผู้บริหารระบุว่าเปิดกว้างหาพันธมิตรผนึกธุรกิจ และเตรียมขอไลเซนส์เปิดสาขาอาเซียนเพิ่ม 3-4 ประเทศ ใช้งบลงทุนราว 200 ล้านบาท
TOP (ปิด 55 ซื้อเป้าปี 56:75.35 บาท) ราหุ้นปรับตัวลดลงจากความกังวลต่อประเด็นการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนหลังค่าเงินบาทอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องอย่างไรก็ตามเช้านี้ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าน่าจะส่งผลดีต่อจิตวิทยาการลงทุนในหุ้นของ TOP นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นยังทำให้บริษัทมีโอกาสบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบซึ่งดีขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาที่ขาดทุนสต๊อกน้ำมันดิบจำนวนมาก
Technical : แนวรับ 1,290/1,280 แนวต้าน 1,300 /1,325
หุ้นแนะนำพิเศษ : HMPRO แนวรับ 10.00 แนวต้าน 11.40/12.00
หุ้นเด่นรายวัน : PTG TK TOP
วันพุธตลาดหุ้นไทยร่วงลงต่อตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก ดัชนี SET ปิดที่ 1,275.76 จุด ลดลง 18.21 จุด(-1.41%) มูลค่าการซื้อขาย 53,688.70 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอีก 3,055.65 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย ทางฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กฯ คาดมีแนวโน้มผันผวนในกรอบ 1,250-1,300 ระยะสั้นความผันผวนระหว่างวันและปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีโอกาสที่จะกลับขึ้นทางเทคนิคตามรูปแบบแท่งเทียน ทั้งนี้ตลาดยังคงกังวลต่อปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ในขณะที่ S50U13 ปรับตัวระหว่างวันเน้นยืนแนวรับหลักจิตวิทยา 850 ไม่ควรต่ำกว่าลงมา SET50 การปรับตัวเน้นยืน 860 / 850 GFQ13 เก็งกำไรในกรอบ 21,430-21,770 GFV13 เก็งกำไรในกรอบ 21,680-22,020
กลยุทธ์ มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นแสดงถึงแรงซื้อเก็งกำไรในลักษณะเล่นรอบ และการเข้าซื้อถือหุ้นรายหลักทรัยพ์เนื่องจากราคาที่ปรับต่ำ ยังคงเน้นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง กลุ่มสื่อสารซื้อเก็งกำไร JAS ADVANC DTAC กลุ่มพลังงาน PTTGC BCP กลุ่มโรงพยาบาล การปรับตัวลงเป็นจังหวะเข้าซื้อถือบางส่วน BGH BCH กลุ่มอาหาร M MALEE กลุ่มธนาคาร ปรับลงแรงซื้อ TCAP KKP TMB ขึ้นแรงขายทำรอบ(ปรับตัวซื้อเก็งกำไร) หรือซื้อสะสมบางส่วน KBANK BBL KTB กลุ่มไฟแนนซ์ ASP JMT กลุ่มยานยนตN AH STANLY หุ้นรายหลักทรัพย์ HMPRO STA PAE BEC ระยะกลาง ปรับตัวลงแรง ซื้อเข้าเล็กน้อย
หุ้นแนะนำพิเศษ
HMPRO (ราคาปิด 10.80 ซื้อ เป้าหมาย 18) ผลประกอบการมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่องจากการเปิดสาขาใหม่ใหม่ทุกปี โดยปีนี้มีแผนเปิดสาขาใหม่ 10 สาขารวมเป็น 63 สาขา จากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าแบรนด์ของบริษัทเองซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า และไลฟสไตส์ในการตกแต่งบ้านเอง (DIY -Do It Yourself) ของผู้บริโภค ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิปี 56 ราว 3.3 พันล้านบาทเติบโต 24%YoY ครึ่งแรกของปี 56 มีกำไร 1,422 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 18% คิดเป็น 43% ของประมาณการทั้งปี ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการตามเดิมเนื่องจากเชื่อว่าผลประกอบการครึ่งหลังของปีจะดีกว่าครึ่งแรกจากแผนเปิดสาขาใหม่อีก 7 แห่งและมีการจัดงานโฮมโปรเอ็กซ์โปในช่วงปลายปีราล่าสุดมีข่าวจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับ LH ในการขายพื้นที่เช่าโฮมโปรสาขาหัวหินซึ่งคาดจะสำเร็จในช่วงไตรมาสสุดท้าย
หุ้นเด่นรายวัน
PTG (ราคาปิด 3.40 ซื้อเก็งกำไร) แนวโน้มผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง จากการขยายสาขาส่งผลให้การจำหน่ายน้ำมันมีปริมาณที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นบริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาแผนการขยายปั๊มไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับ AEC (ที่มา : อินโฟเควสท์)
TK (ราคาปิด 8.85 ซื้อเก็งกำไร ) เปิดเผยว่าต่างชาติสนใจขอร่วมทุนหวังขึ้นแท่นในตลาด AEC ผู้บริหารระบุว่าเปิดกว้างหาพันธมิตรผนึกธุรกิจ และเตรียมขอไลเซนส์เปิดสาขาอาเซียนเพิ่ม 3-4 ประเทศ ใช้งบลงทุนราว 200 ล้านบาท
TOP (ปิด 55 ซื้อเป้าปี 56:75.35 บาท) ราหุ้นปรับตัวลดลงจากความกังวลต่อประเด็นการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนหลังค่าเงินบาทอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องอย่างไรก็ตามเช้านี้ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าน่าจะส่งผลดีต่อจิตวิทยาการลงทุนในหุ้นของ TOP นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นยังทำให้บริษัทมีโอกาสบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบซึ่งดีขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาที่ขาดทุนสต๊อกน้ำมันดิบจำนวนมาก
