หุ้นไทยปิดลบ 18 จุด ความกังวลต่อ QE-บาทอ่อน และซีเรีย กดดันนักลงทุนต่างชาติขายต่อ “โต้ง” เชื่อแค่ระยะสั้น “จรัมพร” ยอมรับกระแสเคลื่อนย้ายเงินลงทุนทุบดัชนี ปลื้ม Thailand Focus 2013 ประสบความสำเร็จนักลงทุนไทย-เทศแห่เข้าฟังข้อมูล พบคำถามฮิต “ความชัดเจน 2 ล้านล้าน” ฟาก ก.ล.ต.เตรียมหารือ ตลท. ติดตามภาวะตลาดหุ้นไทย เตือนนักลงทุนอย่างตื่นตระหนก เผย บลจ. 2-3 รายสนใจตั้ง “ไทยแลนด์ ฟันด์” ดึงเม็ดเงินญี่ปุ่นมาลงทุนในตลาดหุ้น
ปัจจัยลบทั้งภายใน และนอกประเทศยังไม่ท่าทียุติ กดดันตลาดหุ้นไทยวันนี้ (28 ส.ค.) ปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 10 ต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค. โดยปิดที่ระดับ 1,275.76 จุด ลดลง 18.21 จุด หรือ -1.41% มูลค่าการซื้อขาย 53,688.70 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับลดลงมากว่า 30 จุดก่อนฟื้นตัวกลับในช่วง 1 ชั่วโมงสุดท้ายของการซื้อขายจนใกล้กลับมาปิดบวก แต่สุดท้ายปรับตัวลงไปอีก โดยแตะจุดสูงสุดที่ 1,294.08 จุด และต่ำที่ 1,260.08 จุด
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 3,055.65 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันซึ่งขายสุทธิ 2,778.58 ล้านบาท โดยนักลงทุนภายในประเทศ ซื้อสุทธิ 3,338.70 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 2,495.52 ล้านบาท
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยผันผวนเช่นเคย แม้จะมีแรงซื้อกลับบ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถกลับขึ้นไปอยู่ในแดนบวกได้ เพราะความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังค่อนข้างต่ำ เหมือนตลาดอื่นๆ ในเอเชียที่ต่างก็อยู่ในแดนลบกันหมด จากแรงขายปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติ โดยมีปัจจัยมาจากเงินบาทที่อ่อนค่า เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศในภูมิภาค อย่าง อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ เข้ามากดดัน
“ปัจจัยที่สร้างความกังวลให้แก่นักลงทุนคือ เหตุการณ์ในซีเรีย การชะลอ QE เศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว และการขอขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯ รวมถึงการเมืองในประเทศ ถือเป็นความเสี่ยงในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. ทำให้ตลาดมีความไม่แน่นอน การปรับตัวขึ้นจึงลำบาก โดยวันพรุ่งนี้ (29 ส.ค.) ภาวะคงเป็นลักษณะของการเลือกเล่นเป็นรายตัว โดยอาจมีแรงซื้อหุ้นที่อ่อนมาก และกำไรยังไปได้ดี ขณะที่ดัชนีฯ มีความผันผวนอยู่ แม้ปรับตัวขึ้นก็จะเป็นในกรอบจำกัด ให้แนวรับ 1,260-1,250 จุด แนวต้าน 1,290-1,300 จุด”
“โต้ง” ชี้หุ้นไทยร่วงแค่ระยะสั้น
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง และมีความผันผวน คาดว่าอาจส่งผลมาจากความกังวลต่อสหรัฐฯ ที่จะชะลอมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE3) แต่คาดว่าเศรษฐกิจในประเทศไทยยังมีเสถียรภาพที่นักลงทุนต่างชาติจะกลับเข้ามาลงทุน
“เงินลงทุนในตลาดหุ้นของนักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในระยะยาว ส่วนเงินที่ไหลออกจากประเทศไทยนั้นเป็นเงินที่เก็งกำไรในระยะสั้น ซึ่งเริ่มมีสัญญาณการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่ลดน้อยลง การผันผวนขณะนี้เป็นเรื่องธรรมดา และนักลงทุนต่างชาติก็มีความเข้าใจ และเชื่อมั่นในเสถียรภาพของประเทศ”
ตลท.พอใจนักลงทุนตอบรับ Thailand Focus
ด้านนายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยอมรับว่า ปัจจัยหลักที่กดดันตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ คือ กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายออกจากภูมิภาค ส่วนสถานการณ์ในซีเรียยังไม่ได้กระทบมากนัก แต่ก็จะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สำหรับการจัดงาน Thailand Focus 2013 ในปีนี้ ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมีตัวเลขผู้เข้าร่วมงานสูงเป็นประวัติการณ์เกือบ 1 พันคน โดยมีนักลงทุนสถาบันในต่างประเทศเข้าร่วมสูงถึง 186 คน และนักลงทุนในประเทศจำนวนมาก ทั้งนี้ ยังมีบริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมเสนอข้อมูล 112 บริษัท นอกจากนี้ ยังมีบริษัทจดทะเบียนกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง หรือ GMS จำนวน 5 ราย ได้แก่ ตลาดหุ้นลาว กัมพูชา ฮานอย และโฮจิมินห์ เข้าร่วมนำเสนอ ถือว่ามากกว่าที่คาดไว้ ซึ่งสามารถนำเสนอข้อมูลการลงทุนให้แก่นักลงทุนจากแหล่งทุนต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทย ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 4 แสนล้านบาท
ด้าน นายกฤติยา วีรบุรุษ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร กล่าวว่า ในการจัดงานครั้งนี้มีนักลงทุนสนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก เพราะประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียนเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง แม้ในระยะสั้นจะมีปัจจัยเสี่ยง และมีความผันผวนเช่นเดียวกับตลาดเกิดใหม่อื่นๆ โดยนักลงทุนจำนวนมากมองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันมีความน่าสนใจ และเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน
นอกจากนี้ พบว่าผู้ลงทุนยังมีความสนใจในแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย แผนและความคืบหน้าในโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนศักยภาพในการขยายตัวของเศรษฐกิจภูมิภาค และการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
“จากการที่นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นออกจากตลาดหุ้นไทยกว่า 1 แสนล้านบาท ยังถือว่าเป็นจำนวนน้อย หากเทียบกับสินทรัพย์หุ้นที่มีในตลาดหุ้นไทยกว่า 3 ล้านล้านบาท จากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดหุ้นไทยทั้งหมดรวมกว่า 12 ล้านล้านบาท”
2 ล้านล้าน-นักลงทุนถามหา
น.ส.อรกัญญา พิบูลธรรม Country Head & Managing Director Bank of America Merrill Lynch กล่าวว่า เนื่องจากประเทศไทยมีโครงสร้างทางการเงินการลงทุน และระบบภาษีที่แข็งแกร่ง ประกอบกับการดำเนินนโยบายด้านการเงินการคลังที่ระมัดระวัง นักลงทุนต่างประเทศส่วนใหญ่จึงยังมองเห็นช่องทาง และโอกาสในการลงทุนที่หลากหลายอยู่มาก แม้ว่าในขณะนี้สถานการณ์ดัชนีจะปรับตัวลดลงบ้าง แต่หากมองในระยะยาวถือเป็นโอกาสในการลงทุน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักลงทุนต่างประเทศส่วนใหญ่กังวลคือ ความล่าช้าของ พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท โดยจะทำให้สูญเสียโอกาส และผลประโยชน์ในการลงทุน นอกจากนี้ นักลงทุนต่างประเทศที่มาร่วมงานยังให้น้ำหนักต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย และการเชื่อมโยงการของภูมิภาคที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง เพื่อรองรับการลงทุนที่จะเพิ่มขึ้นจากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 (AEC 2015) ซึ่งมีภาคธุรกิจที่หลากหลาย
ก.ล.ต.ผุดไอเดียตั้งกองทุนดึงญี่ปุ่นซื้อหุ้นไทย
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า วันที่ 30 ส.ค.นี้ ก.ล.ต. จะมีการประชุมหารือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อประเมินสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยถึงสาเหตุของการปรับตัวลดลงว่าเกิดจากปัจจัยอะไร ซึ่งหากประเมินสถานการณ์แล้วพบว่า เป็นปัจจัยปกติก็จะไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใด แต่ก็จะมีการติดตาม และเฝ้าดูเป็นระยะ ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมประจำเดือนระหว่าง ก.ล.ต. และทาง ตลท. อยู่แล้ว
“เม็ดเงินนักลงทุนต่างชาติซึ่งมีการขายหุ้นไทยออกไปนั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นเม็ดเงินลงทุนระยะสั้นที่เข้ามาในช่วงที่สหรัฐฯ มีการทำ QE ตั้งแต่ปี2554 ถือว่าเป็นเม็ดเงินที่ไม่มาก และไม่น่ากังวล เพราะกองทุนต่างประเทศขนาดใหญ่ที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยก็ยังไม่มีการขายออกมา”
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ไทย ได้มีการประสานความร่วมมือกับ ก.ล.ต.ญี่ปุ่น ซึ่งจะมีการผลักดันให้ บลจ.ไทยไปตั้งกองทุนไทยแลนด์ ฟันด์ ที่ญี่ปุ่นเพื่อดึงกองทุน และนักลงทุนญี่ปุ่นให้เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยขณะนี้พบว่ามี บลจ.ไทยสนใจที่จะตั้งกองทุนไทยแลนด์ ฟันด์ จำนวน 2-3 รายแล้ว