“จรัมพร” เผยซีเรียไม่กระทบไทย

ผู้จัดการตลาดหุ้นไทย แนะนักลงทุนอย่าวิตกแม่หุ้นร่วงหนัก ควรมองวิกฤตเป็นโอกาส เข้าซื้อหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีในราคาถูก และลงทุนระยะยาว คาดเงินฝรั่ง 1.1 แสนล้านไหลออกจะไม่มีมากกว่านี้ แย้มอนาคตตลาดลุ่มน้ำโขงคึกคักรับเสรีอาเซียน นักลงทุนมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการ และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า จากสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศซีเรียโดยได้รับแรงกดดันจากสหรัฐฯ ขณะนี้ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกเป็นอย่างมาก ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ตลาดทุนของประเทศไทยเท่านั้น แต่กระทบต่อตลาดทุนทั่วโลก ภาพรวมเศรษฐกิจจึงยังคงอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดที่จะกดดันทั้งสหรัฐฯ รัสเซีย และประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่จะแก้ปัญหาของประเทศซีเรีย นักลงทุนจึงชะลอการลงทุนเพื่อเลี่ยงความเสี่ยงที่เกิดขึ้น แต่ไม่กระทบต่อตลาดโดยรวมของประเทศไทย อย่างไรก้ดี ควรจับตามองว่าสภาพคล่องในขณะนี้จะไหลออกจากแหล่งเงินทุนในตลาดไหน และจะเริ่มเข้าไปลงทุนที่ตลาดไหนต่อไป
 
ในส่วนของสภาพคล่องทางการเงินที่ไหลออกอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ว่าจะสามารถยุติลงเมื่อไหร่ หากพิจารณาสภาพคล่องที่เงินทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2546 ถือว่าสูงสุดในตลาดภูมิภาคอาเซียน และการที่เม็ดเงินลงทุนไหลออกของนักลงทุนต่างประเทศนั้นส่วนใหญ่ก็มาจากปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก ซึ่งจะต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าหลังจากประชุมเฟดในเดือนกันยายนที่จะถึง จะมีมาตรการอะไรออกมารองรับหรือไม่ อย่างไรก็ดี เม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ 1.1 แสนล้านบาทที่ไหลออกนอกประเทศนั้น ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่มากพอสมควร คาดว่าคงไม่เงินไหลออกนอกประเทศมากกว่านี้แล้ว

ทั้งนี้ สถานการณ์การเงิน และการลงทุนในขณะนี้ถือได้ว่าเป้นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนจะได้พิจารณาการลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพ และปัจจัยพื้นฐานดี ซึ่งจากการประกาศจ่ายปันผลที่ผ่านมาของบริษัทจดทะเบียนในหลายบริษัทออกมาดี และกำไรส่วนที่ได้จากการลงทุน หรือ Capital Gain ก็ยังคงเติบโตดีอยู่ ซึ่งนักลงทุนควรมองแนวโน้มการลงทุนระยะยาว ที่มีช่องทางการลงทุนให้เลือกมากมาย อีกทั้งหากพิจารณาราคาหุ้น มูลค่าตามบัญชี หรือ Price To Book ซึ่งมีพื้นฐานดีกว่า 100 หุ้นปรับตัวลดลงมากเหมาะแก่การที่นักลงทุนจะเข้าซื้อสะสมในระยะยาว

อย่างไรก็ดี การจัดงาน Thailand Focus 2013 ในครั้งนี้ จะเป็นภาพสะท้อนการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนที่โดดเด่น ซึ่งแสดงถึงความพร้อมของประเทศไทยในฐานะประเทศที่เป็นผู้นำในด้านการลงทุนของประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างประเทศ ให้กลับมาลงทุนระยะยาว 5-10 ปีได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ จะมีความรวดเร็ว และโปร่งใสได้มากน้อยแค่ไหน