ผู้ว่าการ ธปท. ยอมรับเม็ดเงินทุนยังไหลออก แต่มีโอกาสไหลกลับได้หากนักลงทุนคลายความตื่นตกใจ พร้อมยอมรับสถานการณ์เงินทุนม้วนตัวกลับ หลังจากเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา มีเงินไหลเข้ามามากในตลาดเกิดใหม่
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์เงินทุนไหลออกยังคงมีต่อเนื่องในระยะสั้น แต่เมื่อนักลงทุนหายตื่นตกใจแล้วก็เชื่อว่าจะดีขึ้น ขณะนี้เหมือนสถานการณ์เงินทุนม้วนตัวกลับหลังจากเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา มีเงินไหลเข้ามามากในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ของสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่นเริ่มฟื้นขึ้นบ้าง เงินจึงไหลจากตลาดเกิดใหม่ออกไปบ้าง แต่เชื่อว่าเงินทุนที่ไหลออกคงไม่มาก ไม่เป็นปัญหาต่อภาพรวมเศรษฐกิจ
ขณะที่ ธปท.ยังดูแลให้อัตราแลกเปลี่ยนให้มีความยืดหยุ่น และติดตามดูการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจ หากเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ หรือเคลื่อนไหวแตกต่างจากพื้นฐานของเศรษฐกิจ ธปท.ก็มีเครื่องมือเพียงพอที่จะดูแลเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน ที่สำคัญขณะนี้ระดับเงินทุนสำรองยังอยู่ในระดับค่อนข้างมั่นคง สามารถดูแลได้แน่นอน
แม้ว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าสุดในรอบ 3 ปี แต่ในเชิงเปรียบเทียบกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาคทั้งประเทศคู่ค้า และคู่แข่ง ถือว่าการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทอยู่ในระดับปานกลาง ไม่มากไม่น้อย ขณะเดียวกัน ธปท.ได้ติดตามตลาดการเงินว่ามีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วแค่ไหน
ตามปกติของโครงสร้างเศรษฐกิจไตรมาส 2 จะขยายตัวต่ำสุด และไตรมาส 3 จะขยายตัวดีขึ้น ส่วนไตรมาส 4 จะเป็นไตรมาสที่ขยายตัวสูงสุด เพราะเป็นฤดูกาลส่งออกพืชผลทางการเกษตรที่สำคัญค่อนข้างมาก ดังนั้น หากโครงสร้างนี้ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติการขยายตัวของไตรมาส 3/56 ก็จะออกดีกว่าไตรมาส 2/56 ซึ่งจากคาดการณ์นี้มองว่าเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง
ส่วนภาคการส่งออก คาดว่าทั้งปีคงขยายตัวไม่สูงนัก แต่ล่าสุด ที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศออกมาค่อนไปในทางต่ำ ขณะเดียวกัน นำเข้าก็ต่ำด้วย นำเข้าทองก็ติดลบ แต่ดุลบัญชีเดินสะพัดทั้งปีคาดว่าค่อนไปทางสมดุล หรือหากขาดดุลก็จะขาดดุลเพียงเล็กน้อย ไม่มีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนมากนัก
นายประสาร กล่าวถึงสถานการณ์ในซีเรีย ว่า เหตุการณ์ในตะวันออกกลางไม่ใช่เกิดขึ้นครั้งแรก ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันกระตุกขึ้นในระยะสั้น ซึ่งจะกระทบต่อการนำไปคำนวณตัวเลขเศรษฐกิจที่ ธปท.คาดว่าราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 105-107 เหรียญ/บาร์เรล แต่ในระยะยาวมีการค้นพบแหล่งพลังงานใหม่ขนาดใหญ่ ขณะที่การสะสมพลังงานยังไม่เพิ่มขึ้นมาก ดังนั้น ถ้ามีอะไรเข้ามากระตุกน่าจะส่งผลกระทบในระยะสั้นๆ เท่านั้น