“พรีบิลท์” แจงครึ่งปีสดใสกำไรสุทธิ 183 ล้านบาท เติบโตกว่า 80% จากช่วงเดียวกันของปี 55 ครึ่งปีหลังเตรียมส่งมอบโครงการเพิ่ม 3 โครงการ พร้อมทยอยรับรู้รายได้แบ็กล็อกงานก่อสร้าง 20% หรือกว่า 2,000 ล้านบาท จากแบ็กล็อกในมือ 10,000 ล้านบาท ยืนยันรายได้ปี 56เข้าเป้า 5,000 ล้านบาท มั่นใจ “บิลท์ แลนด์” ดันกำไร “พรีบิลท์” โตทุบสถิติอีกครั้ง แจงครึ่งปีหลังเปิดตัว 3 โครงการใหม่ มูลค่า 3,000 ล้านบาท ยันเปิดขายโครงการ “เทมโป แกรนด์ สาทร-วุฒากาศ” กันยายนนี้
นายชัยรัตน์ ธรรมพีร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินงาน ณ ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา กลุ่มพรีบิลท์ มีรายได้รวมที่ 2,773 ล้านบาท ขยายตัว 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้รวม 1,910 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 183 ล้านบาท ขยายตัวกว่า 80% หรือมีผลกำไรสุทธิที่เกือบเท่ากำไรสุทธิทั้งปีของปีที่แล้ว ดังนั้น จึงมั่นใจว่า ในปี 2556 รายได้รวมของกลุ่มบริษัทฯ น่าจะเป็นไปตามเป้าประมาณการซึ่ง กลุ่มพรีบิลท์ วางไว้ว่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยมีรายได้รวมทั้งกลุ่มที่ 5,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการขยายตัวถึง 22% เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่มีรายได้รวม 4,089 ล้านบาท และมั่นใจว่าผลกำไรทั้งปีจะยังมีการขยายตัวสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
“การรับงานเพิ่มในส่วนของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ ณ ปัจจุบัน กลุ่มพรีบิลท์ มีแบ็กล็อกงานก่อสร้างรอรับรู้รายได้ในมือกว่า 10,000 ล้านนบาทแล้ว และมั่นใจว่ารายได้ทั้งปีของกลุ่มบริษัทฯ จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในแบ็กล็อกงานก่อสร้างดังกล่าวคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 20% หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ทางกลุ่มพรีบิลท์ ยังจะมีการทยอยรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมของบริษัท บิลท์แลนด์ ที่ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมกันถึง 3 โครงการ วซึ่งจะส่งผลให้ในปี 56 นี้ กลุ่มพรีบิลท์ จะมีกำไรสุทธิเพิ่มสูงกว่าปีก่อนหน้าอย่างมาก”
นายชัยรัตน์ กล่าวว่า สำหรับบริษัทบิลท์แลนด์ฯ ซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้น มีแผนที่จะขยายการลงทุนโครงการใหม่ภายในสิ้นปีนี้เพิ่มอีกอย่างน้อย 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3,000 ล้านบาท ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม Hi Rise เทมโป แกรนด์ สาทร-วุฒากาศ คอนโดมิเนียมไฮไรซ์ สูง41 ชั้น จำนวน 1,160 ยูนิต บนพื้นที่โครงการ 5 ไร่ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท โดยมีระดับราคาเริ่มต้น 1.9-4 ล้านบาท และมีขนาดพื้นที่ห้องชุดเริ่มต้นที่ 30 ตารางเมตร ส่วนอีก 2 โครงการจะเป็นการพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ ซึ่งปัจจุบันได้จัดซื้อที่ดินเพื่อรอการพัฒนาเรียบร้อยแล้ว โดยการลงทุนโครงการใหม่ดังกล่าวเพื่อรักษาการทำกำไรควบคู่กับการขยายตัวทางด้านรายได้ของบริษัท
นายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา สำหรับผลประกอบการในรอบครึ่งปี บริษัทฯ ซึ่งกำไรสุทธิ 183 ล้านบาทนั้น มาจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง จำนวน 78 ล้านบาท ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยบริษัทบิลท์แลนด์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 86 ล้านบาท บริษัทพีซีเอ็ม คอนสตรัคชั่น แมททีเรียล จำกัด จำนวน 8 ล้านบาท และบริษัทบิลท์ฮาร์ท จำกัด จำนวน 0.7 ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ในช่วงที่เหลือของปีอีกประมาณ 2,300 ล้านบาท เพื่อให้บรรลุเป้าหมายรายได้ที่วางไว้ 5,000 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัทบิลท์แลนด์นั้น ก่อนหน้าได้มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 200 ล้านบาท เป็น 300 ล้านบาทไปแล้ว พร้อมกันนี้ ยังได้มีการนำบริษัทบิลท์แลนด์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นที่เรียยบร้อยแล้ว ดังนั้น เพื่อเป็นการองรับแผนการเข้ากระจายหุ้นในอนาคต จึงจำเป็นที่จะต้องมีการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มเพื่อขยายพอร์รายได้ และสร้างให้เกิดความต้องเนื่องของรายได้ในอนาคต
ด้านนายวิลาศ ปิลกศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทพีซีเอ็ม คอนสตรัคชั่น แมททีเรียล จำกัด กล่าวว่า ยอดจำหน่ายแผ่นพื้น วัสดุก่อสร้าง และผนังสำเร็จรูปยังคงขยายตัวต่อเนื่องตามความขาดแคลนแรงงาน และการขยายตัวของตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขาย และผลกำไรได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยในช่วง 6 เดือนแรก บริษัทมียอดขายรวม 320 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 8 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนีบริษัทจะมียอดขายที่ดี และมีกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างมากจากปีก่อนหน้า แต่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ด้านรายได้อาจจะลดลงต่ำกว่าช่วงครึ่งปีแรกเพราะเป็นช่วงที่มีการชะลอตัวตามฤดูกาลขายของตลาด
เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วงฤดูฝนทำให้งานก่อสร้างล่าช้า การสั่งซื้อวัสดุก่อสร้าง และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างสำเร็จรูปจะลดลง นอกจากนี้ ในช่วงปลายปียังเป็นช่วงที่มีวันหยุดค่อนข้างมาก ทำให้งานก่อสร้างไม่หวือหวาเช่นเดียวกับช่วงครึ่งปีแรก
