กสิกรฯ ประกาศรุกรายย่อยต่อ หลังพอใจผลงานครึ่งปีแรกทุกกลุ่มเป็นไปตามเป้าหมาย ยันหนี้ครัวเรือนไม่กระทบมาก เน้นกลุ่มรายได้ 15,000 บาทต่อเดือนเป็นหลัก ภายใต้แนวคิด “ไลฟ์สไตล์ ดิจิตอล เอ็กซ์พีเรียน” ทุ่ม 200 ล้าน ปรับโฉมสาขารับดิจิตอลไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ พร้อมเร่งรุกเปิดสาขาภูมิภาคขยายฐานลูกค้า
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของสายงานธุรกิจลูกค้าบุคคล และเครือข่ายบริการในครึ่งปีแรกว่า ในส่วนของเป้าหมายทางตัวเลขนั้น ธนาคารมียอดเงินฝากเพิ่มขึ้น 5% จาก 1.4 ล้านล้านบาท เป็น 1.5 ล้านล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีที่คาดว่าจะเติบโตได้ 11-14% สอดคล้องกับอัตราเติบโตของสินเชื่อรายย่อยที่เติบโต 4% หรืออยู่ในระดับ 295,000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีที่คาดว่าจะเติบโตได้ 10-13%
ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมของสายงานลูกค้าบุคคลฯ ก็ยังเติบโตได้ค่อนข้างดีเช่นเดียวกัน โดย 6 เดือนแรกมีรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิประมาณ 11,500 ล้านบาท เติบโตถึง 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของก่อน และคาดว่าทั้งปีจะมีรายได้ค่าธรรมเนียมรวม 23,230 ล้านบาท ซึ่งจากอัตราการเติบโตในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน โดยผลิตภัณฑ์หลักที่สร้างรายได้ค่าธรรมเนียม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่มีรายได้เติบโตถึง 36% บัตรเครดิต และร้านค้ารับบัตร 29% และบัตรเอทีเอ็ม-บัตรเดบิตมีรายได้เติบโต 15%
“ความสำเร็จในช่วงครึ่งปีแรก เป็นผลมาจากการใช้ยุทธศาสตร์ “ไลฟ์สไตล์ แบงกิ้ง” ที่ให้ความสำคัญกับความต้องการ และวิถีชีวิตของลูกค้าเป็นหลัก ทำให้สามารถครองตลาดเป็นอันดับ 1 ในด้านขนาดกองทุนรวม ยอดเบี้ยประกันรับรวม ยอดรับบัตรจากธุรกิจร้านค้ารับบัตรยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตต่อใบที่ 17,000 บาทต่อเดือน และยอดใช้จ่ายรวมของบัตรเดบิตสูงสุดในตลาดที่ 7,000 บาทต่อใบต่อเดือน”
ส่วนกรณีการเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือนนั้น นายปกรณ์ กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นดังกล่าวก็มีส่วนทำให้ยอดปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยสินเชื่อที่อยู่อาศัยยอดปฏิเสธจากเดิมจะอยู่ในระดับ 22-30% ปัจจุบันอยู่ในระดับ 30-35% แต่เท่าที่ดูภาพรวมแล้ว ผลกระทบต่อสินเชื่อรายย่อยยังไม่มากนัก ซึ่งในส่วนของธนาคารจะเน้นในกลุ่มรายได้สูงกว่า 15,000 ต่อเดือน และมีภาระผ่อนชำระหนี้ไม่เกิน 40% ของรายได้ ขณะที่ยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของรสินเชื่อรายย่อยไม่ถึง 1.5%
**ทุ่ม 200 ล้านปรับโฉม-เพิ่มสาขา**
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง ธนาคารยังคงมุ่งในการเป็นไลฟ์สไตล์ แบงกิ้ง ให้ลูกค้าบุคคลทุกกลุ่มใช้บริการของธนาคารเป็นธนาคารหลัก ภายใต้แนวคิด “ไลฟ์สไตล์ ดิจิตลอด เอ็กซ์พีเรียน” ที่จะมีการนำดิจิตอลเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพลิกโฉมผลิตภัณฑ์ และบริการให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่มีการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันอย่างหลากหลาย โดยเริ่มจากการปรับโฉมสาขาใหม่ให้เป็นไลฟ์สไตล์สเปซ ที่ให้บริการด้านการเงิน และไลฟ์สไตล์อย่างเต็มรูปแบบ โดยภายในสิ้นปีนี้จะมีสาขาโฉมใหม่ 10 สาขา และเพิ่มให้ได้ 100 สาขาภายในปีหน้า ด้วยงบประมาณรวมกว่า 200 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในปีนี้ธนาคารได้ตั้งเป้าเปิดสาขาเพิ่มอีก 80 สาขา รวมเป็น 975 สาขา ซึ่งจะมีทั้งสาขาเต็มรูปแบบ และสาขาย่อย โดยส่วนใหญ่จะเป็นสาขาในต่างจังหวัดในที่กระจายอำเภอรอบนอกออกไป และติดตั้งตู้เอทีเอ็มเพิ่มอีกมากว่า 1 พันตู้ รวมเป็น 7,900 ตู้ เพื่อขยายฐานและ เพิ่มความสะดวกในการให้บริการลูกค้ามากขึ้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารมีจำนวนลูกค้าที่ใช้ธนาคารเป็นธนาคารหลักเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลูกค้ารายได้ขนาดกลาง และรายได้น้อย
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของสายงานธุรกิจลูกค้าบุคคล และเครือข่ายบริการในครึ่งปีแรกว่า ในส่วนของเป้าหมายทางตัวเลขนั้น ธนาคารมียอดเงินฝากเพิ่มขึ้น 5% จาก 1.4 ล้านล้านบาท เป็น 1.5 ล้านล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีที่คาดว่าจะเติบโตได้ 11-14% สอดคล้องกับอัตราเติบโตของสินเชื่อรายย่อยที่เติบโต 4% หรืออยู่ในระดับ 295,000 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีที่คาดว่าจะเติบโตได้ 10-13%
ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมของสายงานลูกค้าบุคคลฯ ก็ยังเติบโตได้ค่อนข้างดีเช่นเดียวกัน โดย 6 เดือนแรกมีรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิประมาณ 11,500 ล้านบาท เติบโตถึง 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของก่อน และคาดว่าทั้งปีจะมีรายได้ค่าธรรมเนียมรวม 23,230 ล้านบาท ซึ่งจากอัตราการเติบโตในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน โดยผลิตภัณฑ์หลักที่สร้างรายได้ค่าธรรมเนียม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่มีรายได้เติบโตถึง 36% บัตรเครดิต และร้านค้ารับบัตร 29% และบัตรเอทีเอ็ม-บัตรเดบิตมีรายได้เติบโต 15%
“ความสำเร็จในช่วงครึ่งปีแรก เป็นผลมาจากการใช้ยุทธศาสตร์ “ไลฟ์สไตล์ แบงกิ้ง” ที่ให้ความสำคัญกับความต้องการ และวิถีชีวิตของลูกค้าเป็นหลัก ทำให้สามารถครองตลาดเป็นอันดับ 1 ในด้านขนาดกองทุนรวม ยอดเบี้ยประกันรับรวม ยอดรับบัตรจากธุรกิจร้านค้ารับบัตรยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตต่อใบที่ 17,000 บาทต่อเดือน และยอดใช้จ่ายรวมของบัตรเดบิตสูงสุดในตลาดที่ 7,000 บาทต่อใบต่อเดือน”
ส่วนกรณีการเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือนนั้น นายปกรณ์ กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นดังกล่าวก็มีส่วนทำให้ยอดปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น โดยสินเชื่อที่อยู่อาศัยยอดปฏิเสธจากเดิมจะอยู่ในระดับ 22-30% ปัจจุบันอยู่ในระดับ 30-35% แต่เท่าที่ดูภาพรวมแล้ว ผลกระทบต่อสินเชื่อรายย่อยยังไม่มากนัก ซึ่งในส่วนของธนาคารจะเน้นในกลุ่มรายได้สูงกว่า 15,000 ต่อเดือน และมีภาระผ่อนชำระหนี้ไม่เกิน 40% ของรายได้ ขณะที่ยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของรสินเชื่อรายย่อยไม่ถึง 1.5%
**ทุ่ม 200 ล้านปรับโฉม-เพิ่มสาขา**
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง ธนาคารยังคงมุ่งในการเป็นไลฟ์สไตล์ แบงกิ้ง ให้ลูกค้าบุคคลทุกกลุ่มใช้บริการของธนาคารเป็นธนาคารหลัก ภายใต้แนวคิด “ไลฟ์สไตล์ ดิจิตลอด เอ็กซ์พีเรียน” ที่จะมีการนำดิจิตอลเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพลิกโฉมผลิตภัณฑ์ และบริการให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่มีการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันอย่างหลากหลาย โดยเริ่มจากการปรับโฉมสาขาใหม่ให้เป็นไลฟ์สไตล์สเปซ ที่ให้บริการด้านการเงิน และไลฟ์สไตล์อย่างเต็มรูปแบบ โดยภายในสิ้นปีนี้จะมีสาขาโฉมใหม่ 10 สาขา และเพิ่มให้ได้ 100 สาขาภายในปีหน้า ด้วยงบประมาณรวมกว่า 200 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในปีนี้ธนาคารได้ตั้งเป้าเปิดสาขาเพิ่มอีก 80 สาขา รวมเป็น 975 สาขา ซึ่งจะมีทั้งสาขาเต็มรูปแบบ และสาขาย่อย โดยส่วนใหญ่จะเป็นสาขาในต่างจังหวัดในที่กระจายอำเภอรอบนอกออกไป และติดตั้งตู้เอทีเอ็มเพิ่มอีกมากว่า 1 พันตู้ รวมเป็น 7,900 ตู้ เพื่อขยายฐานและ เพิ่มความสะดวกในการให้บริการลูกค้ามากขึ้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารมีจำนวนลูกค้าที่ใช้ธนาคารเป็นธนาคารหลักเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะลูกค้ารายได้ขนาดกลาง และรายได้น้อย
