ผอ.ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส เผยนักลงทุนหวั่นความรุนแรงจากการชุมนุม เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉุดดัชนีหุ้นไทยดิ่งเหว แนะอย่ากลัวจนเกินเหตุเพราะเป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ควรปรับพอร์ตการลงทุนใหม่เน้นหุ้นใหญ่ปัจจัยพื้นฐานดี คาดตลาดหุ้นอาจฟื้นตัวเต็มที่ปลายปีนี้
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผอ.ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส หรือ ASP กล่าวว่า กระแสข่าวสถานการณ์เปิดประชุมสภาเพื่อยื่น พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในขณะนี้ สร้างความหวาดกลัว และวิตกังวลแก่นักลงทุนไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งหากพิจารณาย้อนหลังกลับไปตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ 1,513 จุด เมื่อมีกระแสข่าวลือการยื่น พ.ร.บ.นิรโทษกรรมออกมา ทำให้ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงไปกว่า 110 จุด ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่รวดเร็วมากจนผิดปกติ
อย่างไรก็ดี โอกาสที่ดัชนีหุ้นไทยจะพลิกกลับขึ้นมานั้น มีโอกาสที่ดัชนีจะเคลื่อนใหวอยู่ที่ระดับประมาณ 1,400 จุด ซึ่งหากประเมินเป็นค่า P/E จะอยู่ที่ประมาณ 13.4 เท่า โดยสถานการณ์ปกติตลาดหุ้นจะทำการซื้อขายอยู่ที่ค่า P/E ประมาณ 15 เท่า ทั้งนี้ หากราคาหุ้นปรับตัวลดลงมา นักลงทุนควรทยอยซื้อสะสม ปรับเพิ่มพอร์ตการลงทุนในสัดส่วนหุ้น โดยเน้นหุ้นตัวใหญ่ที่
มีปัจจัยพื้นฐานดีประมาณ 40% เพราะตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้จะยังคงขึ้นลงผันผวน และแกว่งตัวรุนแรงอย่างต่อเนื่องอยู่ การทำกำไรในช่วงระยะเวลานี้จึงค่อนข้างยาก ตามเหตุการณ์ทางการเมือง
ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลังมองว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาอยู่ในระดับต้นๆ ของกลุ่มภูมิภาคเอเชีย (TIP) ซึ่งค่า P/E คาดว่าจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 15 เท่าได้เช่นเดิม ขณะที่เศรษฐกิจครึ่งปีหลังที่ลดลงมาจากหลายปัจจัย ทั้งจากนโยบายการลงทุนภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และบริษัทเอกชนที่ต้องแบกรับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทแข็ง แม้จะมีอ่อนตัวลงบ้างในบางช่วง ประกอบกับการพิจารณาปรับลด GDP ลงมา ส่งผลให้หนี้ครัวเรือน และหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น ประชาชนใช้จ่ายน้อยลง และดุลการค้าระหว่างประเทศก็ยังเชื่อถือไม่ได้ และโครงการร่วมพัฒนาเพื่อเตรียมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนก็ยังไม่มีความชัดเจนเป็นรูปธรรมมากนัก ซึ่งประชาชนคาดหวังในนโยบายรัฐว่าจะสามารถดำเนินการต่อไปได้มากน้อยแค่ไหน
ขณะเดียวกัน บริษัทจดทะเบียนอาจมีการปรับลดกำไรลงบ้างเล็กน้อย จากการประกาศผลกำไรในไตรมาส 3 ถ้าลดจะลงบ้างเล็กน้อย โดยกลุ่มที่อาจไม่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ กลุ่มพลังงาน เพราะมีความต้องการใช้งานปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง กลุ่มอสังหาฯ ยังคงมียอดขายที่รอโอน (Backlog) อยู่โดยรวมประมาณ 2.6 แสนล้านบาท กลุ่มรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ 11 ราย มีสัญญามูลค่างานในมือประมาณเฉลี่ย 4.9 แสนล้านบาท ขณะที่นักลงทุนกังวลในหุ้นกลุ่มธนาคารว่าจะเกิดหนี้เสีย หรือ NPL ในอนาคตจากค่าครองชีพ และหนี้สาธารณะนั้น แต่ทางธนาคารได้มีมาตรการรองรับความเสี่ยงไว้แล้ว
“ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์นี้ อาจจะมีความกังวลในเหตุความรุนแรงของการชุมนุมทางการเมืองอยู่บ้าง แต่อาจเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งคาดว่าดัชนี SET INDEX จะอยู่ที่ประมาณ 1,400-1,450 จุด โดยวันที่ 7 สิงหาคมนี้ คาดว่าจะเป็นวันที่ตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนสูงที่สุด”