หน.ปชป.ปัดพรรคคุย ส.ส.ลาออกเพื่อนำม็อบ ยันต้าน พ.ร.บ.นิรโทษฯ ทั้งในสภาฯ และผ่าความจริงนอกสภาฯ ลั่นนายกฯ ต้องถอนร่าง ถึงมีการพูดคุย ย้ำเป็นทางหยุดขัดแย้ง ย้อน ในคุกมีแต่มือเผาอย่าอ้างช่วย ปชช. รับห่วงสถานการณ์บานปลาย ขอทุกฝ่ายเคารพ กม. ชี้ข่าวปฏิวัติมาปกติกับเหตุเคลื่อนไหว รอฟัง รบ.-บีอาร์เอ็นแจงป่วนใต้ศีลอด จี้ตัดสินการคุย หากไม่รู้ตัวป่วน
วันนี้ (4 ส.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จะลาออกจากการเป็น ส.ส.เพื่อมานำการชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่ายังไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้กันในพรรค แต่พรรคบอกกับประชาชนมาตลอดว่าจะต่อสู้คัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทั้งในและนอกสภา ดังนั้น การทำหน้าที่ในสภาขณะนี้ยังจำเป็นในการคัดค้าน ขณะเดียวกัน นอกสภาก็จะเดินหน้าเปิดเวทีผ่าความจริงฯ และขึ้นเวทีต่างๆ ชี้แจงถึงผลเสียของการออกกฎหมายดังกล่าวโดยดำเนินการภายใต้กรอบของกฎหมาย ทั้งนี้ หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องการร่วมกันหาทางออกของประเทศ จะต้องไม่ยอมให้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในวันพุธที่ 7 สิงหาคมนี้ แล้วจะทำให้แนวความคิดที่จะมานั่งพูดคุยมีความเป็นไปได้ แต่หากยังเดินหน้าผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวจะยิ่งทำให้หนทางการพูดคุยยากขึ้น ดังนั้นขอยืนยันว่าจะไม่มีการพูดคุยในขณะที่เดินหน้าพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว
“ไม่มีที่ไหนที่พยายามแก้ไขปัญหาแล้วไม่เอาตัวสาเหตุมาพูดคุยกัน ความเร่งด่วนของกฎหมาย ถ้าจะบอกว่ามีการต้องไปช่วยคนที่มาชุมนุมแล้วติดคุกอยู่ ขอยืนยันว่าไม่จริง เพราะตอนนี้คนที่ถูกจองจำเหลือแต่คนที่เผา หากยังเดินหน้าผลักดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องคุยกัน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
นายอภิสิทธิ์ยังแสดงความเป็นห่วงกรณีที่เริ่มมีการนัดชุมนุมคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าว โดยเกรงว่าจะบานปลาย เพราะต้องยอมรับว่าขณะนี้ความคิดเห็นของประชาชนมีหลากหลายมาก และมวลชนต่างๆ เริ่มมีการขยับทั้งฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายต้าน อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทราบเหตุการณ์ล่วงหน้าว่าหากมีการกระทบกระทั่งกันแล้วจะเป็นอย่างไร แต่อยากให้ทุกฝ่ายอยู่ภายใต้กฎหมาย และคนที่อยู่ในฐานะที่จะหยุดความขัดแย้งได้ทั้งหมดคือรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีพูดเพียงคำเดียวว่าหยุดเรื่องนี้ไว้แล้วมาคุยกัน เชื่อว่าปัญหาจบ ส่วนกรณีที่มีข่าวลือเรื่องการปฏิวัติกันมากนั้น เป็นเรื่องปกติเมื่อมีเหตุการณ์เคลื่อนไหวต่างๆ ก็มักจะมีการปล่อยข่าว หรือมีข่าวลือเกิดขึ้นมากมาย ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมีความหนักแน่น
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นแม้จะมีข้อตกลงยุติความรุนแรงในช่วงเดือนรอมฎอน เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีกลุ่มที่ไม่ปฏิบัติตามแนวทางลดความรุนแรง และมีศักยภาพ เพราะสามารถก่อเหตุใหญ่ได้ ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่รัฐบาลต้องนำมาประเมินร่วมกับแกนนำบีอาร์เอ็นว่าเหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร และต้องทำอะไรเพิ่มเติมเพื่อนำความสงบสุขไปสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ ซึ่งจะต้องรอฟังคำชี้แจงว่าเป็นเหตุใดไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง หรือหากกลุ่มบีอาร์เอ็นปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ ก็ต้องสอบถามว่าทราบหรือไม่ว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุ และหากบอกว่าไม่ทราบอะไรเลย ก็ต้องอยู่ที่ทางรัฐบาลไทยจะต้องตัดสินใจแล้วว่าจะต้องพูดคุยกับใครเพื่อหาข้อยุติความรุนแรงในพื้นที่ได้
