ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ชาวสะเดา ต้านแนวทางกลุ่มบีอาร์เอ็นที่ประกาศรวม อ.สะเดา เป็นพื้นที่ในการจะไม่ก่อเหตุรุนแรงในช่วงเดือนรอมฎอน ระบุไม่ใช้พื้นที่ด้านความมั่นคง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง 3 จชต. เรียกร้องให้ทีมเจรจาเร่งคุยกับบีอาร์เอ็นยกเลิกประกาศ ขณะที่บรรยากาศในพื้นที่แนวชายแดนไทย-มาเลเซีย ยังคงปกติไม่การเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยแต่อย่างใด
จากกรณีกลุ่มบีอาร์เอ็นได้ประกาศให้ อ.สะเดา จ.สงขลา รวมเป็นพื้นที่ในการจะไม่ก่อเหตุรุนแรงในช่วงเดือนรอมามฎอน ล่าสุด มีเสียงสะท้อนตรงกันจากทุกฝ่ายใน อ.สะเดา ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของกลุ่มบีอาร์เอ็นที่จะดึง อ.สะเดา เข้าไปเป็นพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับด้านความมั่นคง
นายจรัส หมัดเสี๊ยะ กำนันตำบลสำนักขาม อ.สะเดา เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับทุกฝ่ายใน อ.สะเดา ทั้งผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา ภาคธุรกิจ และชาวบ้าน ไม่เห็นด้วยกับการประกาศของกลุ่มบีอาร์เอ็น เนื่องจาก อ.สะเดา ไม่ใช่พื้นที่ที่เชื่อมโยงกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และไม่เคยเกิดเหตุด้านความมั่นคง เป็นเมืองเศรษฐกิจการค้าการท่องเที่ยวชายแดนไทย-มาเลเซีย และจะเป็นประตูสู่ประชาคมอาเซียนที่มูลค่าการนำเข้าส่งออกมากที่สุดในประเทศไทยกว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี
รวมทั้งประชาชนทั้งชาวไทยพุทธ และไทยมุสลิมใน อ.สะเดา ก็อยู่กันอย่างสงบไม่เคยมีความขัดแย้งแม้แต่ชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็มาทำมาหากินอยู่ในพื้นที่ อ.สะเดา เป็นจำนวนมาก ที่สำคัญความสัมพันธ์ในระดับชายแดนระหว่างไทยกับมาเลเซีย ก็อยู่กันแบบเมืองพี่เมืองน้อง ซึ่งจากการพูดคุยกับดาโต๊ะรัฐเกดะห์ ก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ แนวทางการเจรจาจึงน่าจะเรียกร้องให้กลุ่มบีอาร์เอ็นยกเลิกแนวทางดังกล่าว เพราะชาวสะเดาไม่เห็นด้วย และขออยู่กันอย่างสงบ อย่าพ่วง อ.สะเดา เข้าไปด้วย เพราะจะทำให้เกิดภาพลบขึ้นโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว
ขณะที่บรรยากาศในพื้นที่ อ.สะเดา โดยเฉพาะที่บ้านด่านนอก เขตเทศบาลตำบลสำนักขาม ซึ่งเป็นด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย ระหว่างรัฐเกดะห์กับ อ.สะเดา สถานการณ์ยังคงปกติ และไม่มีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยแต่อย่างใด เพียงแต่มีการเข้มงวดในการผ่านเข้าออกด่านพรมแดนไทย-มาเลเซียเพิ่มขึ้นเท่านั้น ขณะที่บรรยากาศการค้าขายตามแนวชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ ประชาชนยังคงเดินทางเข้าออกไม่ได้หวั่นวิตกกับการประกาศของกลุ่มบีอาร์เอ็นที่จะรวม อ.สะเดา เป็นพื้นที่ในการก่อเหตุรุนแรง