หุ้นไอพีโอ PACE ขายเกลี้ยง 600 ล้านหุ้น เหตุนักลงทุนมั่นใจพื้นฐานแกร่งตามแนวโน้มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตต่อเนื่อง และราคาจองซื้อหุ้นละ 3.50 บาท เป็นราคาที่เหมาะสม อันเดอร์ไรต์ประสานเสียงที่ปรึกษาทางการเงิน เชื่อเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 7 สิงหาคมนี้ คาดสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้นักลงทุน
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Lead Underwriter) ของ บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (มหาชน) (PACE) เปิดเผยว่า ผลการเปิดจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ในราคาเสนอขาย 3.50 บาทต่อหุ้น ระหว่างวันที่ 29-31 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อครบเกลี้ยง โดยหุ้น PACE จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 7 สิงหาคม 2556 นี้
“การเปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอของ PACE ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ซึ่งปัจจัยหลักมาจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการเติบโตของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ บวกกับการการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ 3.50 บาทต่อหุ้น ถือว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสม มีส่วนลด 33% จากราคาเป้าหมาย 5.20 บาท ของบทวิเคราะห์ (Research) ของ บล.เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) จึงเชื่อมั่นว่าเมื่อหุ้น PACE เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ คาดว่าจะได้รับการต้อนรับที่ดีจากนักลงทุนเช่นกัน” ดร.ก้องเกียรติ กล่าว
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น หรือ PACE กล่าวว่า จากผลสรุปยอดจองซื้อหุ้นไอพีโอของบริษัท สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท เนื่องด้วยการดำเนินธุรกิจของบริษัทสามารถขยายตัวต่อเนื่องได้ตามอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตทุกปี โดยเฉพาะในเซกเมนต์ไฮเอนด์ที่บริษัทมีความชำนาญซึ่งเห็นได้ว่ามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด บริษัทมีโครงการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าระดับนี้ที่ซัปพลายจริงๆ มีจำนวนน้อย อีกทั้งความต้องการของตลาด รวมถึงราคาของสินค้าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยภายนอกอื่นๆ ค่อนข้างน้อย บริษัทฯต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจจองซื้อหุ้นของ PACE ในช่วงวันเปิดจองซื้อที่ผ่านมา
“เชื่อว่าการเสนอขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้ และการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะเป็นก้าวสำคัญที่จะเพิ่มศักยภาพทางการเงินให้แก่บริษัทด้วยฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมเติบโตอย่างมั่นคง และท้าทายกับโครงการใหม่ๆ ของบริษัทในอนาคต รวมทั้งจะทำให้ PACE เป็นที่รู้จัก และยอมรับในวงกว้างอีกด้วย จำนวนเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้บริษัทจะใช้เพื่อการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์โครงการใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง” นายสรพจน์ย้ำ
นายสรพจน์ กล่าวถึงเป้าหมายการดำเนินธุรกิจว่า ในปี 2556 PACE จะยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับ “ไฮเอนด์” อย่างต่อเนื่อง โดยจะยังคงมุ่งเน้นการลงทุนพัฒนาโครงการในพื้นที่ที่มีศักยภาพทางธุรกิจ (prime location) ใจกลางกรุงเทพมหานคร และในจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญ โดย PACE ได้ลงทุนซื้อที่ดินที่หัวหินซอย 112 อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อทำโครงการมหาสมุทร วิลลาตากอากาศ จำนวน 90 หลัง มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท โดยล่าสุด ได้เปิดตัวโครงการไปแล้ว และคาดว่าจะเปิดให้จองโครงการได้ประมาณเดือนเมษายน 2557 รวมถึงการลงทุนซื้อที่ดินเพื่อสร้างคอนโดมีเนียมหรู 30 ชั้น มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท บนถนนหลังสวนใกล้กับสวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร ซึ่งโครงการใหม่ดังกล่าวจะมุ่งเน้นตอบสนองลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และมีความต้องการที่พักอาศัย หรือบ้านพักตากอากาศระดับไฮเอนด์ ที่ลูกค้ามั่นใจได้ในมาตรฐานการก่อสร้าง และการตรวจสอบคุณภาพงานด้วยนโยบาย Zero Defect การเลือกวัสดุอุปกรณ์คุณภาพสูง และเน้นงานออกแบบระดับเวิลด์คลาส ทุกโครงการเน้นตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่โดดเด่นสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก
นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการบริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า PACE ได้รับกระแสตอบรับจากนักลงทุนดีเกินคาด ซึ่งปัจจัยสำคัญเนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของบริษัท ความต้องการสินค้าในตลาดไฮเอนด์ที่มีโอกาสขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ตลาดนี้มีผู้เล่นน้อยราย และซัปพลายก็มีจำกัด เชื่อได้ว่าเมื่อ PACE เข้าซื้อขายเป็นวันแรกในวันที่ 7 สิงหาคม 2556 นี้ จะเป็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์น้องใหม่อีกรายที่น่าสนใจ และสร้างผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจให้แก่นักลงทุนได้
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Lead Underwriter) ของ บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (มหาชน) (PACE) เปิดเผยว่า ผลการเปิดจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ในราคาเสนอขาย 3.50 บาทต่อหุ้น ระหว่างวันที่ 29-31 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมา นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อครบเกลี้ยง โดยหุ้น PACE จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 7 สิงหาคม 2556 นี้
“การเปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอของ PACE ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ซึ่งปัจจัยหลักมาจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการเติบโตของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ บวกกับการการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นไอพีโอที่ 3.50 บาทต่อหุ้น ถือว่าเป็นระดับราคาที่เหมาะสม มีส่วนลด 33% จากราคาเป้าหมาย 5.20 บาท ของบทวิเคราะห์ (Research) ของ บล.เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) จึงเชื่อมั่นว่าเมื่อหุ้น PACE เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ คาดว่าจะได้รับการต้อนรับที่ดีจากนักลงทุนเช่นกัน” ดร.ก้องเกียรติ กล่าว
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น หรือ PACE กล่าวว่า จากผลสรุปยอดจองซื้อหุ้นไอพีโอของบริษัท สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท เนื่องด้วยการดำเนินธุรกิจของบริษัทสามารถขยายตัวต่อเนื่องได้ตามอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตทุกปี โดยเฉพาะในเซกเมนต์ไฮเอนด์ที่บริษัทมีความชำนาญซึ่งเห็นได้ว่ามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด บริษัทมีโครงการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าระดับนี้ที่ซัปพลายจริงๆ มีจำนวนน้อย อีกทั้งความต้องการของตลาด รวมถึงราคาของสินค้าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยภายนอกอื่นๆ ค่อนข้างน้อย บริษัทฯต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจจองซื้อหุ้นของ PACE ในช่วงวันเปิดจองซื้อที่ผ่านมา
“เชื่อว่าการเสนอขายหุ้นไอพีโอครั้งนี้ และการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะเป็นก้าวสำคัญที่จะเพิ่มศักยภาพทางการเงินให้แก่บริษัทด้วยฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมเติบโตอย่างมั่นคง และท้าทายกับโครงการใหม่ๆ ของบริษัทในอนาคต รวมทั้งจะทำให้ PACE เป็นที่รู้จัก และยอมรับในวงกว้างอีกด้วย จำนวนเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้บริษัทจะใช้เพื่อการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์โครงการใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง” นายสรพจน์ย้ำ
นายสรพจน์ กล่าวถึงเป้าหมายการดำเนินธุรกิจว่า ในปี 2556 PACE จะยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับ “ไฮเอนด์” อย่างต่อเนื่อง โดยจะยังคงมุ่งเน้นการลงทุนพัฒนาโครงการในพื้นที่ที่มีศักยภาพทางธุรกิจ (prime location) ใจกลางกรุงเทพมหานคร และในจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญ โดย PACE ได้ลงทุนซื้อที่ดินที่หัวหินซอย 112 อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อทำโครงการมหาสมุทร วิลลาตากอากาศ จำนวน 90 หลัง มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท โดยล่าสุด ได้เปิดตัวโครงการไปแล้ว และคาดว่าจะเปิดให้จองโครงการได้ประมาณเดือนเมษายน 2557 รวมถึงการลงทุนซื้อที่ดินเพื่อสร้างคอนโดมีเนียมหรู 30 ชั้น มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท บนถนนหลังสวนใกล้กับสวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร ซึ่งโครงการใหม่ดังกล่าวจะมุ่งเน้นตอบสนองลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และมีความต้องการที่พักอาศัย หรือบ้านพักตากอากาศระดับไฮเอนด์ ที่ลูกค้ามั่นใจได้ในมาตรฐานการก่อสร้าง และการตรวจสอบคุณภาพงานด้วยนโยบาย Zero Defect การเลือกวัสดุอุปกรณ์คุณภาพสูง และเน้นงานออกแบบระดับเวิลด์คลาส ทุกโครงการเน้นตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่โดดเด่นสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก
นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการบริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า PACE ได้รับกระแสตอบรับจากนักลงทุนดีเกินคาด ซึ่งปัจจัยสำคัญเนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของบริษัท ความต้องการสินค้าในตลาดไฮเอนด์ที่มีโอกาสขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ตลาดนี้มีผู้เล่นน้อยราย และซัปพลายก็มีจำกัด เชื่อได้ว่าเมื่อ PACE เข้าซื้อขายเป็นวันแรกในวันที่ 7 สิงหาคม 2556 นี้ จะเป็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์น้องใหม่อีกรายที่น่าสนใจ และสร้างผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจให้แก่นักลงทุนได้