xs
xsm
sm
md
lg

“นกแอร์” เคาะไอพีโอ 26 บาท สถาบันคว้าสัดส่วน 57%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


    “นกแอร์” เคาะราคาไอพีโอ 26 บาท/หุ้น พาร์ 1 บาท จากความต้องการสูงถึง 6 เท่า หวังรับเงินระดมทุน 4.8 พันล้านบาท ใช้ซื้อเครื่องบิน และขยายเส้นทางบิน โชว์กำไรไตรมาส 1 โตกระโดด  425 ล้าน ใกล้เคียงทั้งปีก่อนที่ 504 ล้านบาท ผู้บริหารมั่นใจเติบโตต่อเนื่อง เปิดจอง 12-14 มิ.ย. ก่อนเข้าเทรด 20 มิ.ย. พบสถาบันได้เพิ่ม หลังดีมานด์ล้นเป็น 57.5% ของไอพีโอทั้งหมด

    นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เปิดเผยว่า บริษัทเคาะราคาเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 187.5 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 26 บาท พาร์ละ 1 บาท  โดยจากการสำรวจความต้องการของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) พบว่าที่ราคาสูงสุด 28 บาท และมียอดจองท่วมท้นมากกว่า 5 เท่า แต่ด้วยสภาวะตลาดหุ้นผันผวน และเพื่อต้องการให้ผลตอบแทนที่ดีแก่ทั้งผู้ลงทุน บริษัทจึงตัดสินใจกำหนดราคาขายที่ 26 บาท/หุ้น ซึ่งระดับราคานี้มียอดความต้องการสูงขึ้นถึง 6 เท่าโดยมีอัตราส่วนต่อกำไร (P/E) ประมาณ 11.5 เท่า

    สำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน พร้อมลงนามแต่งตั้ง บล.ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (Lead Underwriter) และแต่งตั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันจำหน่าย (Co-underwriter) อีก 6 แห่ง ได้แก่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง บล.คันทรี่ กรุ๊ป บล.ธนชาต บล.กสิกรไทย และ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค โดยเปิดให้จองหุ้น ได้ระหว่างวันที่ 12-14 มิถุนายนนี้ และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ หมวดบริการ/ขนส่งและลอจิสติกส์ ประมาณวันที่ 20 มิถุนายน

    “เราเชื่อว่าแผนการระดมทุนครั้งนี้จะประสบความสำเร็จอย่างดี โดย IPO จำนวน 187.5 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 125 ล้านหุ้น ซึ่งคิดเป็นมูลค่าระดมทุน 3,250 ล้านบาท ซึ่งเงินส่วนใหญ่ที่ได้จากการระดุมทุนจะนำไปใช้เป็นเงินทุนในการจัดหาเครื่องบิน และเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกิจการ และหุ้นสามัญเดิมเสนอขายโดยบริษัท เอวิเอชั่น อินเวสต์เม้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด อีกจำนวน 62.5 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 1,625 ล้านบาท คิดเป็นมีมูลค่าเสนอขายทั้งหมด 4,875 ล้านบาท”

    ขณะเดียวกัน ซีอีโอสายการบินนกแอร์ กล่าวว่า บริษัทมีความมั่นใจในการเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นช่วงนี้ แม้ว่าสภาพตลาดหุ้นโดยรวมยังผันผวนตามสภาพตลาดโลก ทั้งนี้ เพราะกระแสตอบรับ และความต้องการในหุ้น IPO ของบริษัทมีอยู่สูง

    “บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการทั้งปีจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านของรายได้ และกำไร เห็นได้จากผลประกอบการไตรมาสแรกปี 56 ที่มีกำไรสุทธิสูงถึง 425 ล้านบาท ซึ่งสูงเกือบเท่ากำไรสุทธิทั้งปีของปี 55 ที่ 504 ล้านบาท ทำให้มีการคาดการณ์ว่า รายได้ปีนี้จะโตสูงกว่า 20% รวมถึงผลกำไรจะเติบโตอย่างสูงมาก และสามารถเติบโตขึ้นได้ต่อเนื่องทุกๆ ปี”

     ส่วนแผนการลงทุน บริษัทมีแผนจะซื้อเครื่องบิน เอทีอาร์ จำนวน 2 ลำ และจะขยายเส้นทางการบินไปที่พม่า โดยจะสามารถเปิดเส้นทางการบินได้เดือน ก.ย.นี้ เนื่องจากมองเห็นการทยอยเข้าไปลงทุนในพม่าของชาวต่างชาติมากขึ้น

    ด้าน น.ส.วรดา ตั้งสืบกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Investment Banking Division 2 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินว่า หากเทียบค่า P/E ของนกแอร์นั้นไม่แพงมากเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการเดียวกันในตลาด ที่อยู่ในระดับ 18 เท่า ขณะที่ตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 14 เท่า และเฉพาะอุตสาหกรรมอยู่ที่ 15 เท่า นอกจากนี้ พบว่าส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 16.2% เมื่อปี 2553 มาอยู่ที่ 22.3% ในปี 2555 ยอดผู้โดยสารก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4 ล้านคน/ปี

    โดยในปี 2555 บริษัทมีรายได้หลักรวม 8,217.6 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 504.7ล้านบาท และผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2556 มีรายได้หลักรวม 2,811 ล้านบาท และกำไรสุทธิเท่ากับ 425.3ล้านบาท

    ทั้งนี้ มีรายงานว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 มิ.ย.) บริษัทได้ตัดสินใจเพิ่มสัดส่วนการขายหุ้น IPO ให้ลูกค้าสถาบันเพิ่มขึ้นเป็น 57.50% จากเดิม 50.00% เนื่องจากมีความต้องการหุ้นของบริษัทจากนักลงทุนสถาบันเป้นจำนวนมาก ทำให้จำนวนหุ้น IPO ที่เสนอขายให้แก่นักลงทุนทั่วไปเหลืออยู่ที 42.50%
กำลังโหลดความคิดเห็น