เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น เตรียมดันบริษัทเข้า ตลท.เพื่อระดมทุน 600 ล้านหุ้น ดันโครงการอสังหาระดับไฮเอนด์ “มหาสมุทร หัวหิน” และคอนโดมิเนียมซอยหลังสวน 2 โครงการรวมกว่า 9 พันล้านบาท ทั้งออกโรดโชว์ “ริทซ์-คาร์ลตัน ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” ในต่างประเทศ รองรับเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียนในปี 58
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE เปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนโดยการขายหุ้น IPO จำนวน 600 ล้านหุ้น ส่วนหนึ่งจะนำไปใช้พัฒนาโครงการใหม่ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ มหาสมุทร หัวหิน และอีกโครงการเป็นคอนโดมิเนียมตั้งอยู่บนทำเลหลังสวน 2 โครงการดัง
กล่าวมีมูลค่ารวม 9 พันล้านบาท ซึ่งสำหรับโครงการมหาสมุทร จะเปิดขายต้นปีหน้า โดยจะไปรับรู้รายได้ในปี 57-58 ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม หลังสวน คาดว่าจะเริ่มเปิดขายได้ในปลายปีนี้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 58 เงินอีกส่วนหนึ่งจะนำไปซื้อหุ้นของโครงการมหานคร จากพาร์ตเนอร์ คือ ไอบีซี คอร์ปอ เรชั่น จำกัด (มหาชน) (บริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์อิสราเอล) จากปัจจุบัน ที่บริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ที่ 50% โดยเป้าหมายจะซื้อหุ้นเพิ่มรวมเป็น 68% คาดว่าจะใช้เงินราว 1 พันล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีความมั่นใจว่าการระดมทุน และการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของ PACE ในครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโตอย่างมั่นคง และจะเป็นที่ยอมรับและรู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น และมั่นใจว่าหุ้น PACE จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะในเซกเมนต์ไฮเอนด์มีผู้เล่นน้อยราย มีซัปพลายที่จำกัด และอยู่ในภาวะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และบริษัทเป็นนำในตลาดไฮเอนด์โดยโครงการที่ผ่านมาของบริษัท ได้แก่ โครงการไฟคัส เลน ที่สุขุมวิท 44 และโครงการศาลาแดง เรสซิเดนเซส ในซอยศาลาแดง ที่มีมูลค่าโครงการรวม 910 ล้านบาท และ 2,341 ล้าน
ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ในช่วงของการเตรียมการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. โดยคาดว่าจะเริ่มมีการเทรดในต้นเดือนสิงหาคมนี้ แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนตามตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลก ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ประกอบกับความมั่นใจในการเป็นผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น และมีจุดยืนที่ชัดเจนอีกทั้งทั้งความเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ยังแข็งแกร่ง รวมถึงตลาดหุ้นไทยที่ยังคงมีแนวโน้มที่สามารถเติบโตได้
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทมีโครงการระดับไฮเอนด์ที่มีมูลค่ารวมกว่า 24,000 ล้านบาท ได้แก่โครงการ ไฟคัส เลน และศาลาแดง เรสซิเดนเซส โดยกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างคือโครงการ “มหานคร” ซึ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ โดยรวมเอาคอนโดมิเนียม โรงแรม และศูนย์การค้าไว้ในที่เดียวกัน คาดว่าจะสร้างเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาส 4 ปีของปี 2558
ในส่วนของคอนโดมิเนียม 200 ห้อง ปัจจุบัน บริษัทขายไปได้เกินกว่าร้อยละ 50 คิดเป็นยอดขายประมาณ 6,000 ล้านบาท และล่าสุด ในงานโรดโชว์ที่พักอาศัย แบรนด์ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สามารถทำยอดขายได้กว่า 420 ล้านบาท สำหรับในด้านไฟแนนซิ่งของโครงการมหานคร ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารทิสโก้ ได้อนุมัติวงเงินกู้ครบทั้งโครงการ และบริษัทได้เริ่มเบิกเงินกู้เพื่อใช้ในการก่อสร้าง ทำให้มั่นใจได้ว่าโครงการจะสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผนภายในปี 2558
อย่างไรก็ดี หลังจากเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก ทางบริษัทฯ มีแผนที่จะซื้อหุ้นในโครงการมหานครจากบริษัท อินดัสเทรียล บิลดิ้งส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (IBC) เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นจากเดิมคือ ร้อยละ 50 เป็นร้อยละ 68 เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการโครงการมหานครมากขึ้น
ส่วนการระดมทุนหลังจากเข้าจดทะเบียนซื้อขายใน ตลท.แล้ว บริษัทฯ จะนำเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปใช้เพื่อการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ของบริษัท และยังคงเน้นตลาดไฮเอนด์ โดยเลือกพื้นที่ที่มีศักยภาพใจกลางเมืองทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น โครงการบ้านพักตากอากาศโครงการ มหาสมุทร ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งยังมีความต้องการที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์อย่างต่อเนื่อง และโครงการคอนโดมิเนียม พื้นที่ขาย 24,000 ตร.ม. บนถนนหลังสวน มูลค่ารวมของทั้ง 2 โครงการใหม่เท่ากับ 8,700 ล้านบาท ล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการมหาสมุทร บ้านพักตากอากาศ 90 หลัง สไตล์ทรอปิคอลรีสอร์ต พร้อมทะเลสาบขนาดใหญ่ และคันทรี คลับระดับไฮเอนด์ มูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท โดยโครงการมหาสมุทรจะเข้ามาเติมช่องว่างในตลาดอสังหาริมทรัพย์ย่านหัวหิน ซึ่งยังขาดในส่วนของโครงการระดับไฮเอนด์ ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะมีกำลังซื้อที่สูงทั้งจากคนไทย และชาวต่างชาติที่มองหาอสังหาริมทรัพย์ไฮเอนด์ ระดับคุณภาพ สอดรับกับการเปิดประชาคมอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558