“คลัง” เลื่อนส่งรายชื่อข้าราชการเอี่ยวโกงภาษีให้ดีเอสไอเป็นสัปดาห์หน้า แจงผู้ต้องสงสัยเริ่มโยกย้ายเงินออกจากธนาคาร ลั่นไม่กลัวคำขู่ฟ้องกลับ “สรรพากร” เร่งรัฐแก้กฎหมายลดภาษีบุคคลธรรมดา ยอมรับทำรัฐสูญรายได้กว่า 2.7 หมื่นล้านบาท แต่ช่วยให้คนมีเงินเพิ่ม หนุนการใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมได้
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถส่งรายชื่อข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากการส่งออกไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อยึดทรัพย์ได้ เนื่องจาก นายประสิทธิ์ สืบชนะ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มปลอมติดภารกิจต่างจังหวัด จึงยังไม่สามารถส่งข้อสรุปของการตรวจสอบมาให้ได้ คาดว่าจะสามารถส่งรายชื่อให้ดีเอสไอได้ในช่วงสัปดาห์หน้า จากเดิมที่รับปากกับดีเอสไอไว้ว่าจะส่งข้อมูลให้ในวันที่ 17 ก.ค.
“ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นใครบ้าง และอย่างไร เพราะยังไม่เห็นข้อสรุปของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนการสอบวินัยข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดครั้งนี้นั้น เป็นอำนาจของ นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ที่จะสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบหลังจากสอบข้อเท็จจริง”
ทั้งนี้ ในวันที่ 29 ก.ค. จะมีการนัดหารือกับดีเอสไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี ซึ่งที่ผ่านมา คดีนี้คืบหน้าไปมาก และหลังจากที่ดีเอสไอให้ข้อมูลต่อสื่อเรื่องเส้นทางของเงิน ได้รับรายงานว่า มีการถอนเงินจากธนาคารก้อนใหญ่จากฝ่ายเอกชนที่มีความสนิทใกล้ชิดฝ่ายราชการที่ร่วมในขบวนการโกงภาษีครั้งนี้บ้างแล้ว
สำหรับกรณีที่มีคำขู่จากฝ่ายข้าราชการที่ต้องสงสัยโกงภาษีว่า จะมีการฟ้องกลับหากมีการอายัดทรัพย์นั้น ตนไม่ได้รู้สึกกลัว หรือกังวลใจกับเรื่องนี้ เพราะถือว่าทำตามหน้าที่ที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง ที่มอบหมายให้ดูแล และเชื่อมั่นในหลักฐานต่างๆ ที่มีอยู่ว่าจะเอาผิดกับผู้ที่ทุจริตได้
นางจิตรมณี สุวรรณพูล ที่ปรึกษาด้านพัฒนาฐานภาษี กรมสรรพากร เปิดเผยว่า การลดภาษีบุคคลธรรมดาตามนโยบายรัฐบาลจะให้มีผลบังคับใช้ให้ทันรายได้ปี 2556 ที่จะยื่นแบบในต้นปี 2557 แต่รัฐบาลต้องเร่งแก้กฎหมายที่ ตอนนี้อยู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา โดยให้สภาพิจารณา 3 วาระให้ทันภายในปีนี้ ไม่เช่นนั้นการลดภาษีบุคคลธรรมดาจะทำไม่ได้ และต้องเลื่อนออกไปจนกว่าจะแก้กฎหมายเสร็จ
ทั้งนี้ จากการประเมินของกรมสรรพากร การลดภาษีดังกล่าวจะทำให้กรมสูญเสียเงินภาษี 2.7 หมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งก็จะทำให้คนที่เสียภาษีมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น สามารถนำไปใช้จ่ายช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การปรับโครงภาษีบุคคลธรรมดาจะเป็นประโยชน์แก่คนที่มีเงินเดือนระดับกลางมากที่สุด จากการทำข้อมูลของกรมสรรพากร พบว่า คนที่มีเงินเดือน 5 หมื่นบาท จะมีภาระภาษีลดลง 50% คนที่มีเงินเดือน 7.5 หมื่นบาท จะมีภาระภาษีลดลงไป 23% และคนที่มีเงินเดือนเกิน 1 แสนบาท จะมีภาระภาษีลดลง 14%
สำหรับโครงการภาษีบุคคลธรรมดาใหม่ รายได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่าย 1.5 แสนบาทแรก ได้รับการยกเว้นภาษี รายได้ 1.5-3 แสนบาท เสีย 5% รายได้ 3-5 แสนบาท เสีย 10% รายได้ 5-7.5 แสนบาท เสีย 15% รายได้ 7.5 แสนบาท-1 ล้านบาท เสีย 20% รายได้ 1-2 ล้านบาท เสีย 25% รายได้ 2-4 ล้านบาท เสียอัตรา 30% และรายได้เกิน 4 ล้านบาท เสียอัตรา 35%
