ASTVผู้จัดการรายวัน - ดีเอสไอ จ่อหมายจับขบวนการโกงภาษีมูลค่าเพิ่มกว่า4พันล้านล๊อตแรก ยืนยันมี ขรก.เอี่ยวคดีนี้ เผยกลโกงขบวนการนี้สำแดงเท็จเศษเหล็กโลละ600บาท จากราคาจริงโลละ11บาท
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เมื่อเวลา14.00น.วันที่16ก.ค.นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เป็นประธานการประชุมเรื่องความคืบหน้าการดำเนินคดีโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) โดยมี นางศิวาพร ชื่นจิตต์ศิริ รองอธิบดีดีเอสไอ นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง นายประสิทธิ์ สืบชนะ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลังและประธานคณะกรรมการในการสืบหาข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ร.ต.อ.สุวนีย์ แสวงผล รองเลขาฯสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) นางลัดดาวัลย์ ภูมิวานิช รอง ผบ.สำนักคดีภาษีอากร และนายชวลิต ก้อนทอง ผอ.ส่วนคดีภาษีอากร3 โดยใช้เวลาในการประชุมนานกว่า1ชม.
นายธาริต กล่าวภายหลังการประชุมว่า สืบเนื่องจากกระทรวงการคลัง ได้มาร้องทุกข์ที่ดีเอสไอเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดซึ่งมีพฤติการณ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเท็จ ในระหว่างรอบปี 2555-2556 มูลค่าความเสียหายกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งกรณีดังกล่าวทางดีเอสไอได้รับไว้เป็นคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.56
กรณีดังกล่าวนั้นมีการสำแดงต้นทุนเศษโลหะที่รับซื้อถึงก.ก.ละ600บาท แต่จากการตรวจสอบพบว่าเศษโลหะก.ก.ละ11บาทเท่านั้น ทั้งนี้ ดีเอสไอได้ดำเนินให้สั่งอายัดเงินในส่วนของนิติบุคคล 53 ราย บุคคลธรรมดา 50 ราย รวมไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก4ราย และนอกเหนือกลุ่มบุคคลดังกล่าวแล้ว อาจะมีญาติและยังมีผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งภายในวันนี้ (17ก.ค.) ดีเอสไอจะส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับรองเลขาปปง.เพื่อที่ให้รีบทำการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมและให้ส่งผลกลับมายังดีเอสไอ เพื่อแจ้งให้ทราบและจะสั่งอายัดเพิ่มเติมทุกรายโดยไม่มีการยกเว้น
อย่างไรก็ตาม นิติบุคคลที่ปรากฏชื่อใน 53ราย ล้วนเป็นชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่อง รู้ราว ทางดีเอสไอจะพิจารณากันตัวไว้เป็นพยาน โดยจะเน้นดำเนินคดีกับตัวจริงเป็นหลักพร้อมกันนี้ จะได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบนิติบุคคลหรือบุคคลอื่นที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องบ เกี่ยวพันด้วย
" ที่ประชุมยังมีมติขอรายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐต้องสงสัยว่าอาจเข้าข่ายเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอย่างเป็นทางการ ซี่งดีเอสไอจะได้รับรายชื่อภายในวันนี้ และจะใช้อำนาจในการอายัดเงินเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็วและไม่ล่าช้ากว่ากำหนดเวลาที่เหลืออีก 1เดือนแน่นอน"
รองเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า สำนักงานปปง.ได้รับหนังสือจากดีเอสไอเพื่อขอความร่วมมือในการตรวจสอบธุรกรรมและวิเคราะห์ทางการเงินของกลุ่มบุคคลและนิติบุคคลที่ทุจริตในการขอคืนภาษี ซึ่งดูจากข้อมูลพยานเอกสารที่ส่งไปแล้ว เราพบว่าน่าจะมีความผิดฐานฉ้อโกง รวมไปถึงการปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์ ซึ่งความผิดทั้ง 2ประการ จะเป็นความผิดเข้าข่ายตามมูลฐานพรบ.การฟอกเงิน หลังปปง.ทำการวิเคราะห์เสร็จจะส่งรายงานแจ้งให้ดีเอสไอทราบต่อไป
นางศิวพร กล่าวอีกว่า การดำเนินการครั้งนี้เชื่อว่าหากไม่มีความร่วมมือของทั้ง 3หน่วยงานดำเนินการยับยั้งการกระทำความผิดของกลุ่มดังกล่าว เชื่อว่าตัวเลขความเสียหายต่อรัฐจะมีจำนวนมากกว่า 4,000ล้านบาท ที่พบอยู่ในขณะนี้ โดยกลุ่มนี้ก็จะคงไม่หยุดดำเนินการโกงเงินประเทศ.
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เมื่อเวลา14.00น.วันที่16ก.ค.นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เป็นประธานการประชุมเรื่องความคืบหน้าการดำเนินคดีโกงภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) โดยมี นางศิวาพร ชื่นจิตต์ศิริ รองอธิบดีดีเอสไอ นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองปลัดกระทรวงการคลัง นายประสิทธิ์ สืบชนะ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลังและประธานคณะกรรมการในการสืบหาข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ร.ต.อ.สุวนีย์ แสวงผล รองเลขาฯสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) นางลัดดาวัลย์ ภูมิวานิช รอง ผบ.สำนักคดีภาษีอากร และนายชวลิต ก้อนทอง ผอ.ส่วนคดีภาษีอากร3 โดยใช้เวลาในการประชุมนานกว่า1ชม.
นายธาริต กล่าวภายหลังการประชุมว่า สืบเนื่องจากกระทรวงการคลัง ได้มาร้องทุกข์ที่ดีเอสไอเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดซึ่งมีพฤติการณ์ขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเท็จ ในระหว่างรอบปี 2555-2556 มูลค่าความเสียหายกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งกรณีดังกล่าวทางดีเอสไอได้รับไว้เป็นคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.56
กรณีดังกล่าวนั้นมีการสำแดงต้นทุนเศษโลหะที่รับซื้อถึงก.ก.ละ600บาท แต่จากการตรวจสอบพบว่าเศษโลหะก.ก.ละ11บาทเท่านั้น ทั้งนี้ ดีเอสไอได้ดำเนินให้สั่งอายัดเงินในส่วนของนิติบุคคล 53 ราย บุคคลธรรมดา 50 ราย รวมไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก4ราย และนอกเหนือกลุ่มบุคคลดังกล่าวแล้ว อาจะมีญาติและยังมีผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งภายในวันนี้ (17ก.ค.) ดีเอสไอจะส่งข้อมูลดังกล่าวให้กับรองเลขาปปง.เพื่อที่ให้รีบทำการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมและให้ส่งผลกลับมายังดีเอสไอ เพื่อแจ้งให้ทราบและจะสั่งอายัดเพิ่มเติมทุกรายโดยไม่มีการยกเว้น
อย่างไรก็ตาม นิติบุคคลที่ปรากฏชื่อใน 53ราย ล้วนเป็นชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่อง รู้ราว ทางดีเอสไอจะพิจารณากันตัวไว้เป็นพยาน โดยจะเน้นดำเนินคดีกับตัวจริงเป็นหลักพร้อมกันนี้ จะได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบนิติบุคคลหรือบุคคลอื่นที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องบ เกี่ยวพันด้วย
" ที่ประชุมยังมีมติขอรายชื่อเจ้าหน้าที่รัฐต้องสงสัยว่าอาจเข้าข่ายเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอย่างเป็นทางการ ซี่งดีเอสไอจะได้รับรายชื่อภายในวันนี้ และจะใช้อำนาจในการอายัดเงินเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็วและไม่ล่าช้ากว่ากำหนดเวลาที่เหลืออีก 1เดือนแน่นอน"
รองเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า สำนักงานปปง.ได้รับหนังสือจากดีเอสไอเพื่อขอความร่วมมือในการตรวจสอบธุรกรรมและวิเคราะห์ทางการเงินของกลุ่มบุคคลและนิติบุคคลที่ทุจริตในการขอคืนภาษี ซึ่งดูจากข้อมูลพยานเอกสารที่ส่งไปแล้ว เราพบว่าน่าจะมีความผิดฐานฉ้อโกง รวมไปถึงการปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์ ซึ่งความผิดทั้ง 2ประการ จะเป็นความผิดเข้าข่ายตามมูลฐานพรบ.การฟอกเงิน หลังปปง.ทำการวิเคราะห์เสร็จจะส่งรายงานแจ้งให้ดีเอสไอทราบต่อไป
นางศิวพร กล่าวอีกว่า การดำเนินการครั้งนี้เชื่อว่าหากไม่มีความร่วมมือของทั้ง 3หน่วยงานดำเนินการยับยั้งการกระทำความผิดของกลุ่มดังกล่าว เชื่อว่าตัวเลขความเสียหายต่อรัฐจะมีจำนวนมากกว่า 4,000ล้านบาท ที่พบอยู่ในขณะนี้ โดยกลุ่มนี้ก็จะคงไม่หยุดดำเนินการโกงเงินประเทศ.