ผู้จัดการตลาดหุ้นไทยเตรียมเร่งหลักเกณฑ์การจะทะเบียนของบริษัทข้ามชาติใหม่ให้เร็วขึ้น เพื่อเพิ่มการระดมทุนในตลาดหุ้นไทย เผยที่ผ่านมา ประเทศไทยเสียโอกาสดึงเม็ดเงินเข้าประเทศจากความล่าช้า ทำให้นักลงทุนหนีไปตั้งในต่างประเทศ พร้อมดันอาเซียนลิงก์ให้เร็วขึ้นเพิ่มความสะดวกในการซื้อขายหุ้นระหว่างประเทศ ส่วน “ชัชชาติ” คาดโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ช่วยปรับเป้า GDP ไทยเพิ่มขึ้นจากการเม็ดเงินลงทุนการขนส่งที่ผ่านประเทศไทย
นายจรัมพร โชติกเถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน ในปี 2558 จะเป็นโอกาสในการสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนต่างชาติ เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางในการระดมทุนเพิ่มมากขึ้น โดยอาจเข้ามาในรูปของการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งคอมปะนี การร่วมทุนกันระหว่างประเทศ หรือแม้แต่การควบรวมกิจการของบริษัทต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับโอกาสของบริษัทจดทะเบียนไทย
ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าภายในระยะเวลา 2-3 เดือน หลังจากที่ได้ร่างกฎเกณฑ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะสามารถดำเนินการเข้าจดทะเบียนซื้อขายได้ทันที ซึ่งขณะนี้มีบริษัทที่เป็นโอลดิ้งคอมปะนีที่เตรียมเข้าจดทะเบียนแล้ว 2 บริษัท คือ บมจ.ซีเคเพาเวอร์ และ บมจ.นิคมอุตสาหกรรมอมตะเวียดนาม นอกจากนี้ ยังมีบริษัทจดทะเบียนในประเทศลาว อีกประมาณ 20 บริษัท ที่เตรียมจะเข้ามาจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นไทย
ส่วนนักลงทุนรายย่อยที่มีความสนใจในการลงทุนยังตลาดต่างประเทศ หรืออาเซียนลิงก์นั้นเป็นจุดเริ่มต้นให้บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ลงทุนในประเทศอื่นเพิ่มมากขึ้นจากที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งในอดีตนั้น ให้บริการเพียงการซื้อขายของหุ้นที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้น แต่อนาคต เตรียมที่จะขยายไปยังประเทศอื่นๆ ที่มีความพร้อมมากขึ้น โดยในปัจจุบัน มีนักลงทุนที่ซื้อขายบางส่วนโดยไม่ได้ผ่านทางโบรกฯ ของประเทศไทย แต่จะซื้อขายผ่านทางโบรกฯ ของประเทศสิงคโปร์เป็นหลัก ซึ่งทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสในการทำกำไร แต่ถ้าหากมีการเตรียมพร้อมในการทำอาเซียนลิงก์ที่ดีกว่านี้ ก็จะช่วยให้สามารถสร้างโอกาส และกระตุ้นการแข่งขันในการดึงเม็ดเงินลงทุนกลับมายังประเทศไทยได้
ขณะเดียวกัน นายชัชชาติ สุทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม กล่าวว่า รัฐบาลได้เตรียมผลักดันโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมระบบรางด้วยรถไฟความเร็วสูง ด้วยศักยภาพที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจประชาคมอาเซียนในการเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน 5 ประเทศ คือ มาเลเซีย ลาว เวียดนาม พม่า กัมพูชา และสามารถขยายการขนส่งไปยังต่างประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยวางเแผนระยะยาวในการก่อสร้างถนน 4 เลนในทุกภูมิภาคของประเทศแล้ว ยังได้วางระบบการขนส่งด้วยรถไฟความเร็วสูง ใน 4 เส้นทาง โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 7 ปี ซึ่งจะช่วยกระจายความเจริญเติบโต การจ้างงานในต่างจังหวัด ทำให้ GDP ของประเทศปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และในอนาคต ธุรกิจด้านการท่องเที่ยว และการบริการ การข่นส่ง การเชื่อมโยงโครงข่าย ธุรกิจการสื่อสารระบบไอที และธุรกิจเพื่อสุขภาพ จะเป็นรายได้หลักของประเทศไทยเมื่อเปิดระบบโครงสร้างพื้นฐานเสร็จสมบูรณ์ในปี 2562
