xs
xsm
sm
md
lg

“ศุลกากร” เชื่อบาทอ่อนหนุนรีดภาษีเข้าเป้า “สรรพากร” พบเบาะแสแก๊งโกงแวต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ศุลกากร” ปลื้มค่าบาทอ่อนหนุนจัดเก็บภาษีเข้าเป้า 1.1 แสนล้านบาท “สรรพากร” เผยกลุ่มโกงคืนภาษี-เจ้าหน้าที่ เป็นกลุ่มเดียวกัน “คลัง” ฟิตเดินหน้าสอบโกงภาษี 2.6 พันล้านบาท แจงอยู่ระหว่างขอข้อมูลจากสรรพากร คาด 60 วันได้เรื่องแน่

นายยุทธนา หยิมการุณ รักษาการอธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมฯ คาดว่าในปีนี้จะสามารถจัดเก็บภาษีได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 111,000 ล้านบาท โดยในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา (ต.ค.55-มิ.ย.56) จัดเก็บภาษีได้แล้ว 80,000 ล้านบาท หรือเกินเป้ากว่า 2%

ส่วนการจัดเก็บรายได้ภาษีให้กับหน่วยงานอื่น เช่น ภาษีสรรพากร และภาษีสรรพสามิต ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 400,000 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงนี้ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ทำให้ผู้ส่งออกมีรายได้จากการส่งออกมากขึ้น ขณะที่การนำเข้าลดลง ดังนั้น เชื่อว่าผู้ประกอบการที่มีคำสั่งซื้อล่วงหน้าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากช่วง 2-3 เดือนก่อนหน้า นี้การจัดเก็บรายได้ของกรมฯ ปรับลดลงเพราะเงินบาทแข็งค่า

“ที่ผ่านมา ได้เรียกประชุมผู้บริหารของกรมฯ หลังจากที่ นางเบญจา หลุยเจริญ รมช.การคลัง ได้กำชับเรื่องความโปร่งใสในการจัดเก็บภาษี และเข้มงวดการตรวจสอบเอกสารนำเข้าส่งออก เพื่อป้องกันการทุจริต ขณะเดียวกัน ต้องอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้นำเข้าและส่งออกในการรับ-ส่งสินค้า ซึ่งได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 35 หน่วยงาน เพื่อให้การนำเข้าและส่งออกมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายยุทธนากล่าว

สำหรับกรณีการดูแลการลักลอบนำเข้ารถหรูจดประกอบนั้น กรมฯ ได้ร่วมมือกับกรมขนส่งทางบกในการตรวจสอบข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ เพื่อให้สามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

ด้านรายงานข่าวจากกรมสรรพากร ระบุว่า หลังจากที่กรมสรรพากรได้ตั้งกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงการขอคืนภาษีปลอมทั้งในเขตบางรัก สมุทรปราการ และนนทบุรี ซึ่งพบว่าทั้งหมดเป็นกลุ่มเดียวกัน และทำเป็นขบวนการซึ่งมีการขอคืนภาษีมูลค่าปลอมไปแล้ว 2,600 ล้านบาท

ทั้งนี้ กลุ่มที่ขอคืนภาษีปลอมอ้างว่าประกอบธุรกิจส่งเศษเหล็กไปขายต่างประเทศ โดยมีการสร้างราคาขายหลายครั้งเพื่อให้ราคาส่งออกมีมูลค่าสูงจะได้ขอคืนภาษีจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบของกรมสรรพากร พบว่า มีการส่งออกเท็จจำนวนมาก เช่น แจ้งว่าขนส่งเศษเหล็กไปขายต่างประเทศ แต่กรมศุลกากรตรวจสอบสินค้าในตู้พบว่าเป็นก้อนหิน ซึ่งทางกรมศุลกากรดำเนินการเอาผิดฐานสำแดงเท็จการส่งออก

นอกจากนี้ ยังพบว่าขบวนการขอคืนภาษีปลอมมีการนำใบส่งออกสินค้าจากกรมศุลกากรมายืนยัน ทำให้กรมสรรพากรต้องคืนภาษีให้แก่ผู้ส่งออก ซึ่งถือว่าเป็นความบกพร่องของการตรวจสอบ โดยคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงจะดูการขอคืนภาษีทั้งระบบของกรมสรรพากรด้วย เพื่อนำมาปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบว่าการขอคืนภาษีมีการส่งออกจริงหรือไม่

นายประสิทธิ์ สืบชนะ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มปลอม มูลค่า 2,600 ล้านบาท เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เริ่มเรียกข้อมูลจากกรมสรรพากรมาตรวจสอบแล้ว โดยจะเน้นหลักฐานที่เป็นเอกสาร ไม่เน้นการสอบตัวบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ และผู้บริหารของกรมสรรพากร

“ยังบอกไม่ได้ว่าจะสรุปผลได้เมื่อไร เพราะต้องดูข้อมูลที่ทางกรมสรรพากรส่งมาให้ตรวจสอบก่อนว่าเพียงพอ หรือต้องขอเพิ่มหรือไม่ ซึ่งจะเร่งสอบเพื่อรายงานผลให้นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ได้รับทราบภายใน 60 วัน”

นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองปลัดคลัง ดูแลด้านภารกิจรายได้ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาข้อมูลการขอคืนภาษีมูลค่าปลอมดังกล่าวมีความชัดเจนอยู่แล้ว สามารถเอาผิดต่อผู้กระทำผิด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้อยู่แล้ว ก็ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงจะเร่งดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร

โดยก่อนหน้านี้ นายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ลงนามในคำสั่งขอตัวสรรพากรพื้นที่ 22 เข้ามาช่วยราชการในกรมฯ เต็มเวลา เนื่องจากมีโครงการเร่งด่วนที่ต้องการให้เข้ามาดำเนินการรับผิดชอบ ยังไม่ใช่การย้ายตำแหน่งจากกรณีที่มีปัญหาการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากการส่งออก เพราะปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบจากคณะกรรมการส่วนกลางยังไม่ได้สรุปว่ามีความผิดจริง หากโยกย้ายก่อนอาจจะถูกฟ้องร้องได้

นายสาธิต กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า ตนสั่งการให้มีการเร่งคืนภาษีให้แก่ผู้ประกอบการภายใน 1 เดือน ว่า เป็นการกล่าวในช่วงที่ไปมอบนโยบายให้กับสรรพากรพื้นที่ 22 ที่มีการตั้งคำถามดังกล่าว เพราะมีความเห็นแตกต่างกันระหว่างสรรพากรพื้นที่กับส่วนกลางเรื่องการคืนภาษี

“เมื่อดูระเบียบแล้วเห็นว่าเป็นการใช้ดุลพินิจทั้งบริษัทเปิดใหม่และรายเดิม จึงให้ยึดตามนั้น และไม่เห็นเหตุผลที่จะดึงเรื่องไว้นานถึง 6 เดือน”

นางเบญจา หลุยเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับการแบ่งส่วนงานจาก นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ดูแลดูแลกรมสรรพากร กรมศุลกากร กรมบัญชีกลาง สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยเฉพาะให้มารับผิดชอบกรณีการโกงภาษีแวตที่ทำให้รัฐเสียหาย
กำลังโหลดความคิดเห็น