แนวโน้มหุ้นไทยยังเสี่ยง สัญญาณ ศก.สหรัฐฯ กดดัน “เฟด” ปรับลด “คิวอี” ปลายเดือนนี้

แนวโน้มหุ้นไทยสัปดาห์หน้ายังมีความเสี่ยงที่ตลาดจะอ่อนตัวลง นักลงทุนกังวลการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาด อาจทำให้เฟดปรับลดมาตรการคิวอีในปลายเดือนนี้ แถมส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่า กดดันค่าเงินบาท

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย มองแนวโน้มหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (8-12 ก.ค.) มีความเสี่ยงที่ตลาดจะอ่อนตัวลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ หากตัวเลขดังกล่าวออกมาดีตามที่ตลาดคาดไว้ ก็จะมีความเสี่ยงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะปรับลดมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง (คิวอี) ในการประชุมปลายเดือน ก.ค.นี้ แต่หากตัวเลขออกมาไม่ดี ก็ทำให้เกิดความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่ฟื้นตัว

นอกจากนี้ ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 10 ก.ค.นี้ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทย เนื่องจากมีความกังวลว่า กนง. อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน หุ้นไทยยังมีแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ทำให้นักลงทุนต่างชาติปรับน้ำหนักการลงทุนด้วยการขายพันธบัตรระยะยาว ประกอบกับค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นมาแนวต้านที่ 100-104 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทย

รายงานข่าวระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และราคาน้ำมันปิดเมื่อคืนนี้ 5 ก.ค. (ตามเวลาประเทศไทย) มีการปรับขึ้นแรง ขานรับตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีเกินคาดหมาย แต่ว่าปัจจัยข้างต้นกลับฉุดให้ทองคำดิ่งหนักเกือบ 40 ดอลลาร์ เพราะมันส่งผลให้สกุลเงินอเมริกาแข็งค่าขึ้น

ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดตลาดปรับเพิ่มขึ้น 147.29 จุด (0.98 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,135.84 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 35.71 จุด (1.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,479.38 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 16.48 จุด (1.02 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,631.89 จุด

ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากรายงานของกระทรวงแรงงานอเมริการะบุว่า เศรษฐกิจของประเทศในเดือนมิถุนายน มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 195,000 ตำแหน่ง เหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าน่าจะอยู่ราวๆ 166,000 ตำแหน่ง แม้ว่าอัตราคนว่างงานยังทรงตัวที่ร้อยละ 7.6 ก็ตาม

ปัจจัยข้างต้นประกอบกับความกังวลต่อเหตุความไม่สงบตามหลังการรัฐประหารในอียิปต์ ก็ส่งให้ราคาน้ำมันปิดเมื่อวานนี้พุ่งแรง โดยเฉพาะตลาดนิวยอร์กที่ปิดสูงสุดในรอบกว่าปีเศษเลยทีเดียว

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 1.98 ดอลลาร์ ปิดที่ 103.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.2012 ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 2.18 ดอลลาร์ ปิดที่ 107.72 ดอลลาร์ สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของราคาทองคำวานนี้กลับดิ่งลงอย่างหนัก หลังข้อมูลภาคแรงงานอันแข็งแกร่งของสหรัฐฯ ผลักดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และกระตุ้นนักลงทุนทิ้งโลหะมีค่าชนิดนี้ แล้วหันไปเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพื่อเก็งกำไร โดยทองคำตลาดโคเมกซ์ของสหรัฐฯ ลดลง 39.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,212.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์