“แสนสิริ” สรุปยอดขายครึ่งปีกว่า 2.9 หมื่นล้านบาท จากยอดเป้าขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 4.8 หมื่นล้านบาท พร้อมเผยแผนธุรกิจครึ่งปีหลังเตรียมเปิดอีก 23 โครงการใหม่ในเดือน ส.ค. จากกำลังซื้อต่างจังหวัดที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งแนวระนาบ และแนวดิ่ง มั่นใจยอดรับรู้รายได้ 3.5หมื่นล้านบาท จากการเตรียมโอนอีก 11 คอนโดมิเนียมในครึ่งปีหลัง
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แสนสิริ หรือ SIRI กล่าวว่า บริษัทฯ สรุปผลการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ สามารถสร้างยอดขาย (พรีเซล) ได้สูงถึง 29,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นกว่า 60% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 48,000 ล้านบาท โดยเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขายในช่วงครึ่งปีแรกที่ 20,600 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ต่างๆ อย่างต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนแรกของปี จำนวน 27 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 38,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาสแรกมูลค่ารวมกว่า 21,000 ล้านบาท รวมทั้งยอดขายในช่วงไตรมาส 2 ที่สามารถปิดการขายได้ประมาณ 8,000 ล้านบาท
โดย ณ ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ไปแล้วสูงถึงกว่า 63,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับการรับรู้รายได้ไปถึงอีก 4 ปีข้างหน้า รวมทั้งบริษัทยังมีความมั่นใจกับเป้าหมายการรับรู้รายได้ในปีนี้ที่ตั้งไว้ 35,000 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีสัดส่วนการรับรู้รายได้ไปแล้วประมาณ 30% ส่วนอีก 70% จะอยู่ในช่วงครึ่งปีหลังซึ่งบริษัทยังมีกำหนดการโอนส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมอีกถึงจำนวนกว่า 11 โครงการ
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทฯ จะมีการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่อีกประมาณ 23 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 26,000 ล้านบาท โดยบริษัทได้วางแผนรุกธุรกิจในตลาดต่างจังหวัดเพื่อต่อยอดความสำเร็จจากในช่วงที่ผ่านมา โดยได้เตรียมนำเสนอที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ “ดีคอนโด” เพื่อรุกขยายฐานในตลาดต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่องตามแผนการดำเนินธุรกิจภายใต้ 6 กุญแจสำคัญ โดยเตรียมเปิดตัว ดีคอนโดโครงการใหม่อีกถึง 6 โครงการ 6 ทำเลทั่วประเทศ มูลค่ารวมประมาณ 6,400 ล้านบาท ใน 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ บางแสน หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และเชียงใหม่ โดยจะเปิดตัวพร้อมกันในช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้
“ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทคาดว่าจะยังคงเติบโตได้ดีตามภาวะเศรษฐกิจ โดยเงินบาทที่อ่อนตัวลงนั้นจะทำให้ภาคการส่งออกสามารถเติบโตได้เป็นอย่างดี ในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์เอง ยังคงมีปัญหาเรื่องแรงงานตึงตัวเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงกดดันอยู่ และอาจทำให้ไม่สามารถส่งมอบสินค้าให้แก่ผู้ซื้อบ้านได้ทันตามกำหนดเวลา โดยในส่วนของบริษัทนั้นยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากในเรื่องดังกล่าวบ้างเช่นกัน อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทก็ยังคงสามารถบริหารจัดการการก่อสร้างได้ตามแผนที่วางไว้ โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทได้มีการส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 17 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาท โดยการโอนกรรมสิทธิ์ก็ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดคอนโดมิเนียมระดับล่าง ซึ่งหลายฝ่ายมีความเห็นว่าเป็นตลาดที่มีการเก็งกำไรสูง เนื่องจากที่ผ่านมา ลูกค้าของแสนสิริในตลาดนี้มีการโอนกรรมสิทธิ์ และย้ายเข้าอยู่อย่างรวดเร็ว โดยมียอดเข้าอยู่ถึงกว่า 80-90% ภายในระยะเวลา 1 ปีนับตั้งแต่โอนกรรมสิทธิ์”