“กิตติรัตน์” แถเดินหน้าโครงการน้ำ ยันศาล ปค.ไม่ห้ามกู้เงิน เพราะคำสั่งให้ รบ. ดำเนินการเพิ่มเติม ไม่ใช่ยุติโครงการ รบ. ได้มีการทำสัญญาการกู้เงินกับแบงก์ต่างๆ ไว้แล้ว แต่จะมีการเบิกจ่ายเงินกู้ก็ต่อเมื่อมีการทำสัญญากับเอกชน และมีการเบิกจ่ายเงินตามงวดสัญญาเมื่อโครงการเสร็จตามข้อตกลง แต่เมื่อยังไม่มีการเบิกจ่ายเงินกู้ก็ไม่ถือว่าเป็นภาระ รบ. ในเรื่อง ดบ. แต่อย่างใด พร้อมกังวลโครงการล่าช้าถือเป็นความเสี่ยง แถมต้องไปอธิบายให้ต่างชาติเข้าใจ
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. คลัง เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้รัฐบาลดำเนินการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ผลกระทบสุขภาพและการจัดรับฟังความคิดเห็นประชาชน โดยยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการกู้เงิน ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ.2555 วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท เพราะคำสั่งของศาลปกครอง ให้รัฐบาลดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อให้โครงการดำเนินการต่อไปได้ ไม่ใช่เป็นคำสั่งยุติโครงการ และห้ามกู้เงิน
ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีการทำสัญญาการกู้เงินกับสถาบันการเงินต่างๆ ไว้แล้ว แต่จะมีการเบิกจ่ายเงินกู้ ก็ต่อเมื่อมีการทำสัญญากับเอกชน และมีการเบิกจ่ายเงินตามงวดสัญญาเมื่อโครงดำเนินการเสร็จตามข้อตกลง และเมื่อยังไม่มีการเบิกจ่ายเงินกู้ก็ไม่ถือว่าเป็นภาระต่อรัฐบาลในเรื่องของดอกเบี้ยแต่อย่างใด ทั้งนี้ มั่นใจว่าโครงการบริหารจัดการน้ำจะสามารถดำเนินการต่อไปได้เนื่องจากในการทำงานที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.)ได้มีการทำงานอย่างรอบคอบ และระมัดระวังจึงน่าจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และปฏิบัติตามคำสั่งศาลได้
นายกิตติรัตน์ กล่าวด้วยว่า เมื่อโครงการนี้ต้องมีความล่าช้าออกไปก็รู้สึกหนักใจ เนื่องจากต้องอธิบายให้แก่นักลงทุนต่างชาติ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตอุทกภัยในปี 54 ทราบถึงสาเหตุที่โครงการต้องล่าช้าออกไป ซึ่งความล่าช้าก็ถือว่าเป็นความเสี่ยง แต่รัฐบาลก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องดำเนินการตามคำสั่งศาลเพื่อให้โครงการนี้สามารถดำเนินการต่อไปได้
