ปชป.ฝากข้อสังเกตโครงการบริหารจัดการน้ำ 4 ข้อถึง “นายกฯยิ่งลักษณ์” เรียกร้องรัฐบาลดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายและโปร่งใส ขณะที่ทีมกฎหมาย เชื่อสมุนรัฐบาล เตรียมเคลี่อนไหวยุบศาลปกครอง อ้างขัดขวางการทำงานของรัฐบาล เหมือนองค์กรอิสระอื่น
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้รัฐบาลรับฟังความเห็นประชาชนให้ทั่วถึงก่อนการทำสัญญาว่าจ้างในแต่ละโมดูลว่า คำสั่งของศาลดังกล่าวแม้รัฐบาลมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณา และผลอาจจะเปลี่ยนแปลงหรือผลเหมือนกัน แต่พรรคมองว่า ขณะนี้การดำเนินการโครงการส่อให้เห็นว่าการดำเนินการอาจจะขัดต่อกฎหมาย หรือนำไปสู่การดำเนินการผิดกฎหมายหรือระเบียบปฏิบัติต่างๆ จะทำให้การดำเนินการไม่สามารถทำให้โปร่งใสได้ จึงอยากให้รัฐบาลดำเนินการตามกฎหมายและโปร่งใส่
นายองอาจ กล่าวว่า พรรคมีข้อสังเกตที่อยากฝากรัฐบาลโดยเฉพาะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะต้องกำกับดูแลโครงการนี้ 1. รัฐบาลจะกู้เงินตามพ.ร.ก.ดังกล่าว ภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้หรือไม่ ถ้าจะกู้ต่อไปก็ต้องคำนึงถึงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการและการจ่ายใช้เงินกู้ เป็นระเบียบที่รัฐบาลเป็นผู้ออกมาเอง
2.การดำเนินการของโครงการที่ไม่อยู่ภายใต้คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง จะดำเนินการหรือไม่อย่างไร 3.กรณีที่รัฐบาลต้องฟังความเห็นประชาชนอย่างทั่วถึง พรรคมีคำถามว่ารัฐบาลจะทำเรื่องนี้ให้จบภายใน 2 เดือนหรือไม่ และนายกรัฐมนตรีมีวิธีการอย่างไรให้รับฟังความเห็นประชาชนได้ทั่วถึงภายใน 2 เดือน
4.การรับฟังความเห็นประชาชนรัฐบาลต้องใช้งบประมาณของตัวเอง แต่ตามโครงการเดิมที่รัฐบาลวางไว้ จะให้ภาคเอกชนที่ประมูลงานได้เป็นผู้รับฟังความเห็น ดังนั้นวันนี้เมื่อรัฐบาลจะรับฟังความเห็นจากประชาชนเอง จะสามารถปรับลดงบประมาณที่ภาคเอกชนได้รับไปได้หรือไม่ จึงอยากให้รัฐบาลดำเนินงานอย่างรอบคอบ ไม่เช่นนั้นจะกระทบภาพรวมทั้งโครงการ
ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษก หนึ่งในทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ชะลอการประมูลโครงการบริหารจัดการน้ำ โดยแนะนำให้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 57 วรรคสอง และมาตรา 67 วรรคสอง ว่า การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่าโครงการจะล้มหรือไม่ขึ้นอยู่กับศาลปกครองนั้น ตนไม่อยากให้นายกรัฐมนตรี โยนความผิดให้ศาลปกครอง เพราะจะถือว่าเป็นการรำไม่ดี โทษปี่โทษกลอง นายกฯ ต้องยอมรับผิดว่าโครงการนี้รัฐบาลทำไปโดยผิดรัฐธรรมนูญ รัฐบาลไม่เคยสนใจใยดีต่อสิทธิของประชาชน นายกรัฐมนตรีไม่เข้าใจกระบวนการถ่วงดุลอำนาจฝ่ายบริหารโดยอำนาจตุลาการ
ทั้งนี้ตนเชื่อว่าอีกไม่กี่วัน จะมีคนของรัฐบาลออกมาบอกว่า ศาลปกครองก้าวก่ายการทำงานของรัฐบาลสมควรยุบศาลปกครองทิ้งไป ให้เหมือนกับที่มีความคิดที่จะยุบศาลรัฐธรรมนูญ เพราะพวกของรัฐบาลถือว่าเป็นอุปสรรคในการทำงานของรัฐบาล จึงอยากให้ประชาชนให้กำลังใจศาลปกครองเพื่อที่จะได้คงอยู่เป็นที่พึ่งของประชาชนต่อไป
