หน.ปชป.แนะ รบ.รับฟัง ปชช.ตามคำสั่งศาล ปค.อย่าเร่งกู้ พร้อมเดินหน้าส่วนที่ไร้ปัญหา กู้เท่าที่จำเป็น ชี้ ฝ่า รธน.แถมผิด พ.ร.บ.ฮั้วและ กม.ปชป.พร้อมถอด ครม.ยกชุด แย้มพรรคเห็นคล้ายศาล ปค.ดัก ฝืนอุทธรณ์พร้อมลงนามสัญญาเอกชน ส่อเจตนาไม่ทำตาม กม.จี้ ทบทวนกู้ 4 ธนาคาร อย่าสักแต่กู้ เชื่อเป็นบทเรียนรัฐฯ ทำเอกชนระแวง
วันนี้ (28 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้รัฐบาลรับฟังความเห็นประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 57 และ 67 ก่อนที่จะดำเนินโครงการบริหารจัดการน้ำว่า รัฐบาลสามารถอุทธรณ์ได้แต่ต้องแยกโครงการออกมา โดยในส่วนที่ต้องทำการศึกษาสิ่งแวดล้อมหรือรับฟังความเห็นจากประชาชนควรดำเนินการตามคำสั่งศาลปกครองและยังไม่ควรกู้เงิน แต่ส่วนไหนที่ไม่เกี่ยวข้องก็เดินหน้าได้ อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่านอกจากรัฐบาลได้ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญทั้งสองมาตราตามที่ศาลปกครองมีการพิจารณาแล้วยังมีการทำผิดกฎหมายฮั้วและกฎหมาย ป.ป.ช.ด้วย ซึ่งพรรคกำลังจะยื่นถอดถอน ครม.ทั้งคณะ โดยได้ยกร่างไว้เรียบร้อยแล้วและจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะต้องเพิ่มเติมอะไรหรือไม่ เนื่องจากสาระสำคัญที่พรรคเห็นว่ามีการทำผิดกฎหมายก็ไม่ได้ต่างจากที่ศาลปกครองมีคำสั่งมากนัก โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญมาตรา 57 และ 67 ก็ระบุไว้ชัดเจนอยู่แล้ว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากรัฐบาลจะยื่นอุทธรณ์ไปพร้อมๆ กับการลงนามในสัญญากับบริษัทเอกชนที่ประมูลโครงการก็จะยิ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่ารัฐบาลจงใจที่จะไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ดังนั้นดีที่สุดรัฐบาลต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายก่อนลงนามสัญญาจ้าง และแยกโครงการที่ไม่มีปัญหาออกมาโดยกู้เงินเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนที่รัฐบาลวางแผนการกู้เงินไว้กับ 4 ธนาคาร ประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงเทพ นั้นควรต้องมีการทบทวนตามความเป็นจริง แต่ถ้าไม่ทบทวนก็จะยิ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลสนใจแต่จะกู้เงิน ไม่ใส่ใจรายละเอียดโครงการที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และเป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องแยกโครงการที่ไม่จำเป็นต้องศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรือรับฟังความเห็นประชาชนออกมาให้ชัดเจน เช่น การทำคลังข้อมูล ก็เดินหน้าได้ไม่มีปัญหา ทั้งนี้ตนเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนสำหรับรัฐบาลและเชื่อว่าเอกชนก็คงเห็นแล้วว่ารูปแบบการดำเนินโครงการของรัฐบาลนั้นมีความเสี่ยง ไม่ชัดเจน และไม่แน่นอนหลายอย่าง
