ประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนจ่อถูกปรับลด หลังตัวเลขเศรษฐกิจดีไม่จริง บล.ทิสโก้ ลดเป้าดัชนีเหลือ 1,550 จุด เชื่อประชุมเฟดรอบนี้มีความชัดเจนมาตรการ QE ด้านต่างชาติจับตาวินัยการใช้จ่ายรัฐบาลต่อโครงการขนาดใหญ่ ส่วนโครงการจำนำข้าวไม่มีชาติไหนเห็นด้วย
นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า อาจมีการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียน หากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราการเติบโตของจีดีพีจากที่ตั้งไว้ 20% โดยอาจลงมาอยู่ที่ฐานเดิม 14-15% หลังมีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะไม่ดีอย่างที่คิด จากกำลังซื้อในประเทศที่ไม่เติบโตมาก
โดยการลงทุนในตลาดหุ้นไทย คงต้องพิจารณาเรื่องของพื้นฐาน และการลงทุนระยะยาว แต่ยังเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะดีต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี หากโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคของภาครัฐประสบความสำเร็จ นักลงทุนควรเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศ
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจในการน่าลงทุน เพราะตลาดหุ้นไทยซื้อขายที่ระดับ พี/อี 12.7 เท่า ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงดึงดูดเงินที่จะเข้ามาลงทุน แต่ในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงสูงเพราะขณะนี้อยู่ระหว่างช่วงปรับฐานใหม่
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยของบริษัทได้ปรับเป้าดัชนี SET ในปีนี้ลงเหลือ 1,550 จุด จากเดิมมองไว้ที่ 1,650 จุด เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยไม่ได้เติบโตมาก และเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นตลาดส่งออกใหญ่ของไทยฟื้นตัวแบบชะลอกว่าคาด อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยโลกเปลี่ยนเป็นทิศทางขาขึ้น ทำให้อาจมีการปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยใหม่ด้วย หากภาครัฐปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ลง
ส่วนการประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในช่วงวันที่ 18-19 มิ.ย.56 คาดว่าจะมีการส่งสัญญาณออกมาชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้มาตรการ QE เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่ได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างจริงจัง
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บล.ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า คงต้องจับตามองโครงการของภาครัฐ โดยเฉพาะการอนุมัติงบลงทุนเพื่อพัฒนาโครสร้างพื้นฐานของประเทศมูลค่า 2 ล้านล้านบาท เพราะจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่อง
“ต้องไม่ลืมว่ามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และเมื่อนำมาใช้กลับพบว่าไม่ได้ทำให้ภาคธุรกิจที่แท้จริงปรับตัวดีขึ้นมากเท่าใด ราคาที่ดินก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นในบางพื้นที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่กลับทำให้เกิดกระแสเงินไหลออกไปยังประเทศต่างๆ เพื่อมุ่งหวังผลกำไรจากการลงทุนมากกว่า ในช่วง 3 ปีกว่าที่ผ่านมา แต่โดยรวมเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังไม่ดูดีขึ้น กำลังซื้อของชาวอเมริกันยังไม่กลับมา ตัวเลขคนว่างงานยังไม่ลดลงมาถึง 6.5% เช่นเดียวกับเงินเฟ้อยังไม่ขึ้นมาถึง 2% ทำให้เชื่อว่า QE ยังไม่จบลงโดยเร็ว”
ทั้งนี้ คาดว่าการยุติมาตรการ QE หรือลดวงเงินเข้าซื้อพันธบัตรของสหรัฐฯ จะเกิดขึ้นในอีก 6-18 เดือนข้างหน้า ไม่ใช่ในปัจจุบันอย่างที่เคยมีข่าวออกมา และประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ยังไม่ไปไหน และมีโอกาสปรับตัวลดลงมากกว่า
นายปริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันนักลงทุนต่างประเทศให้ความสำคัญการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล ด้านเงินคงคลัง และการกู้เงินของรัฐบาลมาก โดยเฉพาะมีวินัยการเงินการใช้จ่ายเงินภาครัฐ ที่ต้องการให้การทำงานขององค์กรอิสระอย่าง ธปท.ดำเนินไปด้วยดี ไม่มีการเมืองแทรกแซง
“ปี 55 เป็นเรื่องของประชานิยม ซึ่งทำได้ง่ายในการปล่อยกู้รายย่อย การเติบโตจึงมีสูง แต่ปีนี้เป็นรื่องนโยบายลงทุน ต่างชาติจับตามองรถไฟฟ้าจะเกิดขึ้นได้จริง หรือล่าช้ามากน้อยแค่ไหน มีวินัยการเงินการใช้จ่ายเงินภาครัฐเป็นเช่นไร”
สำหรับโครงการจำนำข้าว ต่างประเทศไม่มีใครเห็นด้วยกับนโยบายนี้ของรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องที่ผิดตั้งแต่ต้น เพราะมองว่านี่เป็นนโยบายที่ไม่ถูกต้อง อะไรที่เข้าไปแทรกแซงมากควรระวัง อีกทั้งตอนนี้เริ่มมีความกังวลต่อหนี้ภาครัฐมากกว่าภาคเอกชน โดยมีการประเมินว่าอีก 2-3 ปี หนี้ภาครัฐจะอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะธนาคารรัฐบาล อย่าง เอสเอ็มอีแบงก์ และธนาคารอสิลาม
หุ้นบวก 5.77 จุด นักลงทุนรอผลประชุมเฟด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (17 มิ.ย.) ปิดที่ระดับ 1,471.04 จุด เพิ่มขึ้น 5.77 จุด หรือ 0.39% มูลค่าการซื้อขาย 43,475.27 ล้านบาท โดยมีแรงซื้อเข้ามาจากกลุ่มสถาบัน และนักลงทุนต่างประเทศ ภาพรวมดัชนีหลักทรัพย์ปรับตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาคที่บวกได้เล็กน้อย เพราะนักลงทุนกำลังรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) วันที่ 18-19 มิ.ย.นี้ ในเรื่องมาตรการ QE โดยแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (18 มิ.ย.) ดัชนียังแกว่งตัวอยู่ นักลงทุนอาจจะมีการซื้อๆ ขายๆ หรืออาจมีการขายทำกำไรออกมาบ้าง