“เออีซี” หลังเปลี่ยนแบรนด์ใหม่ก้าวขั้นเทียบชั้นธุรกิจระดับอินเตอร์ CWE บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานจากแดนมังกร แต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาในการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าพลังงานน้ำ-พลังงานลม-พลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงการหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อลงทุนในไทย เบื้องต้นคาดดึงเม็ดเงินเข้าลงทุนร่วมกับผู้ประกอบการไทยไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท ผู้บริหารระบุเกิดประโยชน์ทุกฝ่ายทั้งตัวบริษัทฯ และผลประโยชน์มวลรวมของประเทศ
นายกอบเกียรติ บุญธีรวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AEC (ชื่อเดิม บริษัทหลักทรัพย์ ยูไนเต็ด จำกัด (มหาชน) หรือ US) กล่าวว่า บริษัทฯ ได้รับแต่งตั้งจาก “China International Water & Electric Corporation (CWE)” ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท China Three Gorges Corporation (CTG) ซึ่งเป็นผู้นำด้านพลังงานขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศจีน แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาในการหาผู้ร่วมทุน และการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับพลังงานทดแทน ทั้งในส่วนของไฟฟ้าพลังงานน้ำ พลังงานลม และ/หรือ พลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงการหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อลงทุนในประเทศไทยด้วย
ทั้งนี้ CWE เป็นองค์กรของรัฐบาลจีน มีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 137,458 ล้านหยวน มีการลงทุนอยู่ใน 70 ประเทศทั่วโลก รวมถึงงานก่อสร้าง อาคาร ท่าเรือ ถนน ทางเดินเรือ การปรับระดับที่ดิน โครงสร้างการประปา สะพาน เครื่องถ่ายทอดไฟฟ้า เขื่อน และอ่างเก็บน้ำ อีกทั้งยังเป็นบริษัทที่มีคุณสมบัติในการก่อสร้างอย่างสูง และมีใบอนุญาตประกอบกิจการหลายชนิด รวมถึงได้รับการจัดอันดับเครดิตอยู่ที่ระดับ AAA มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ปักกิ่ง และมีสำนักงานในหลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ ลาว ปากีสถาน คาซัคสถาน กานา ซูดาน ไทย และมาเลเซีย ทั้งนี้ บริษัทแม่ CTG มีผลงานในการสร้างเขื่อนซานเสียต้าป้า (หรือที่เรียกกันว่าเขื่อนสามหุบเขา หรือเขื่อนสามผา/Three Gorges Dam) ซึ่งเป็นเขื่อนไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีสินทรัพย์สะสมทั้งหมด 314,331 ล้านหยวน
นายประพล มิลินทจินดา ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ CWE แต่งตั้งให้บริษัทฯ เป็นที่ปรึกษาการลงทุนในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการก้าวสู่ความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจอีกขั้นของ บล.เออีซี เพราะหมายถึงความเชื่อมั่น และความไว้วางใจที่มอบให้แก่บริษัทฯ และการแสดงความประสงค์จะเข้ามาลงทุนด้านพลังงานของไทยในวันนี้ เป็นเพราะ CWE เล็งเห็นถึงศักยภาพของผู้ประกอบการ และการลงทุนในไทยว่ามีโอกาสที่จะขยายตัวได้อีกมาก ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงการลงทุนในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังสามารถขยายการลงทุนไปยังประเทศต่างๆ ในแถบเพื่อนบ้านอีกด้วย
ทั้งนี้ CWE เป็นบริษัทพลังงานที่มีความพร้อมด้านเงินทุน รวมถึงประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านพลังงานเป็นอย่างดี สามารถที่จะสนับสนุนธุรกิจของผู้ประกอบการไทยได้ดีในทุกๆ ด้าน จึงถือเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งหาก บล.เออีซี สามารถประสานงานให้ฝั่งของนักลงทุนจากจีน และไทยร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งเชื่อว่าการร่วมมือกันจะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายอย่างแน่นอน
“ถึงแม้ว่าบริษัทฯ เพิ่งจะเปลี่ยนชื่อ และทีมบริหาร แต่ก็สามารถคว้างานใหม่และสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจขนาดใหญ่ ทำให้มีเงินทุนเคลื่อนย้ายเข้ามา โดยมูลค่าเบื้องต้นคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน ทั้งการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำ อันจะทำให้ประเทศมีความมั่นคงทางด้านพลังงาน และคุณประโยชน์ที่เกี่ยวเนื่องต่อจากนี้คือ การสร้างงาน-สร้างคน มีเงินทุนหมุนเวียนเกิดขึ้นในประเทศ และที่สำคัญถือเป็นสัญญาณการลงทุนก้าวแรกที่ทำให้นักลงทุนจากประเทศอื่นๆ หันมามองการลงทุนในประเทศไทยอีกด้วย” นายประพลกล่าว
นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการ กล่าวว่า ความสำเร็จของ บล.เออีซี ครั้งนี้จะทำให้ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์อย่างมาก ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพของอุตสาหกรรมพลังงานไทย และเพิ่มความมั่นคง ทำให้เกิดสภาพคล่องในระบบ ทั้งนี้จีนซึ่งมีความพร้อมด้านเงินทุน ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพการลงทุนของไทยว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ โดยเฉพาะการลงทุนด้านพลังงานสะอาด ซึ่งเมื่อลงทุนแล้วจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างมั่นคง และยั่งยืน
“จากสถานการณ์ภาคการลงทุนขณะนี้มีเงินไหลออกไป แต่ บล.เออีซี กลับสามารถหาทางที่จะดึงเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในประเทศได้ และเป็นการลงทุนในระยะยาวอีกด้วย นั่นเป็นเพราะสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้บริหารของบริษัทฯ และผู้ลงทุนที่จะมาจากต่างประเทศ และเชื่อว่าความพยายามของคณะผู้บริหาร บล.เออีซี ที่มีเป้าหมายจะสร้างคุณประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่บริษัทฯ และประเทศชาติ ทำให้ในอนาคตคงจะได้เห็นดีลที่ดีใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกนับไม่ถ้วน สำหรับการร่วมมือกันในครั้งนี้ เป็นเพราะประเทศจีนได้มองการลงทุนหลายประเทศในแถบลุ่มน้ำโขง” นายสุรเกียรติ์กล่าว