xs
xsm
sm
md
lg

พีดีเฮ้าส์บุกรับสร้างบ้านชายแดน ชี้เจ้าของโรงสีจ้างปลูกบ้านหรู 17-22 ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สิทธิพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดี เฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
บอสใหญ่พีดี เฮ้าส์ สั่งลุยขยายสาขาแฟรนไชส์รับสร้างบ้านเมืองหน้าด่านตามแนวชายแดน ทั้งแม่สอด สะเดา อรัญฯ รองรับการเปิด AEC เผยลูกค้าสนใจเจรจาซื้อแล้ว ระบุครึ่งปีแรกยอดขาย 600 ล้านบาท มั่นใจสิ้นปีกวาดยอดขาย 1,400 ล้านตามเป้า ระบุภาคใต้ยอดขายอันดับ 1 แซงหน้าภาคอีสานแล้ว เผยลูกค้าโรงสีจ้างสร้างบ้านราคาแพง 17-22 ล้านบาท ชี้พฤติกรรมจ้างสร้างบ้านไตรมาส 1 จากการใช้แหล่งเงินกู้ เปลี่ยนเป็นไตรมาส 2 ใช้เงินสดค่อนข้างเยอะ สะท้อนความสามารถของลูกค้าดีขึ้น

นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดี เฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของ และผู้บริหารสิทธิแฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ และเอคิวโฮม เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในครึ่งหลังของปี 2556 ว่าจะเปิดสาขาแฟรนไชส์เพิ่มอีก 4 แห่ง รวมเป็น 34 สาขา ได้แก่ จังหวัดชุมพร, ร้อยเอ็ด, สงขลา และบุรีรัมย์ จากเป้าหมายทั้งปีเปิดไม่เกิน 9 สาขา ซึ่งในครึ่งปีหลังเตรียมเปิดเพิ่มที่จังหวัดกาญจนบุรี ที่เหลืออยู่ระหว่างเจรจา โดยตั้งเป้าเปิดครบ 50 สาขาในปี 58

“หลักในการขยายสาขา เรื่องของโมเดิร์นเทรดก็มีส่วนสำคัญ เนื่องจากจะช่วยในด้านของแหล่งวัสดุก่อสร้างที่จะป้อนให้แก่บริษัท ตอนนี้ โมเดิร์นเทรด กระจายไปยังตามหัวเมืองใหญ่ๆ ที่เศรษฐกิจมีการเติบโต เมืองด่านหน้าที่ใกล้กับชายแดน ซึ่งพีดีเฮ้าส์ ได้ดำเนินการขยายแฟรนไชส์ไปยังเมืองหน้าด่านที่มีชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน เช่น สะเดา แม่สาย แม่สอด และอรัญประเทศ ที่ผ่านมา มีลูกค้าสนใจเปิดที่แม่สอด และสะเดา โดยคาดว่าจะสามารถเปิดสาขาได้ในปี 58” นายสิทธิพรกล่าว

สำหรับการบริหารจัดการด้านต้นทุนก่อสร้าง ที่ผ่านมา บริษัทได้ตั้งบริษัท พีดี สยาม ซัพพลาย แอนด์ เซอร์วิส จำกัด เพื่อเป็นตัวแทนจัดซื้อวัสดุก่อสร้างให้แก่แฟรนไชส์ของพีดีเฮ้าส์ เนื่องจากการเจรจาซื้อในปริมาณมากๆ จะได้รับส่วนลดมาก สมาชิกจะซื้อสินค้าถูกกว่าท้องตลาด 3-10% ซึ่งในปีที่ผ่านมา พีดี สยามฯ สามารถสร้างยอดขายได้ 150 ล้านบาท โดยในปี 56 ตั้งเป้ายอดขายที่ 220 ล้านบาท

ส่วนผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 56 สามารถทำยอดขายได้กว่า 600 ล้านบาท จากเป้าทั้งปีที่ตั้งไว้ 1,400 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2555 ที่มียอดขาย 900 ล้านบาทเศษ โดยสัดส่วนยอดขาย 78% มาจากต่างจังหวัด ส่วนที่เหลือมาจากกรุงเทพฯ-ปริมณฑล หากภายในสิ้นปีสามารถปิดยอดขายได้ตามเป้า ก็จะถือว่าเป็นบริษัทฯ มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในธุรกิจรับสร้างบ้าน จากมูลค่าตลาดรวมธุรกิจรับสร้างบ้านเฉพาะกรุงเทพ-ปริมณฑล คาดการณ์ไว้ที่ 11,000-12,000 ล้านบาท

“ผมมั่นใจว่าครึ่งปีหลัง ต่างจังหวัดเราจะ Growth ซึ่งเดิมภาคอีสานจะมาเป็นอันดับ 1 แต่ตอนนี้กลายเป็นพื้นที่ภาคใต้ ส่วนในกรุงเทพฯ ค่อนข้างชะลอตัว ทั้งนี้ ลูกค้าพีดีเฮ้าส์ในต่างจังหวัดจะเป็นภาคการเกษตร ซึ่งเราวิเคราะห์ว่า น่าจะเกิดจากกำลังซื้อที่อั้นมานาน พอมีจังหวะ และมีบริษัทรับสร้างบ้านมาเปิดให้บริการ มีคุณภาพ มาตรฐานที่ดี ลูกค้าจึงตัดสินใจเลือกใช้บริการของเรา จะว่าไปแล้ว เจ้าของโรงสีจ้างแฟรนไชส์พีดีเฮ้าส์สร้างบ้านระดับราคา 17-22 ล้านบาท ซึ่งในแง่ของภาพรวมการว่าจ้างบริษัทก่อสร้างบ้านช่วงไตรมาสแรก ลูกค้า 1 ใน 3 จะกู้เงินจากสถาบันการเงิน แต่พอมาเป็นไตรมาส 2 จะใช้เป็น Cash ค่อนข้างเยอะ อาจมาจาก สินค้าภาคการเกษตรมีราคาที่ดีขึ้น” นายสิทธิพรกล่าว

ขณะที่แฟรนไชส์แบรนด์น้องใหม่ เอคิวโฮม ที่รับสร้างบ้านระดับราคาไม่เกิน 2.5 ล้านบาท/ยูนิต ปัจจุบันมี 2 สาขา คือที่ นครราชสีมา และนครปฐม และในปีนี้จะเปิดสาขาเพิ่มอีก 3 แห่ง คือ ที่รามอินทรา ราชบุรี และนครศรีธรรมราช

ส่วนเป้าหมายระยะยาวในอีก 3 ปีนับจากนี้ ตั้งเป้าขยายสาขาเอคิวโฮม 5-10 แห่ง/ปี

เพิ่มค่าจ้างแรงงาน-ขึ้นราคาบ้าน 2-3%

นายสิทธิพร กล่าวยอมรับว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มผู้ผลิต และจำหน่ายวัสดุก่อสร้างหลักๆ ได้มีการแจ้งปรับราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5-15% ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ รวมถึงปัญหาขาดแคลนแรงงานที่กำลังเผชิญอยู่ จนเกิดการแย่งชิงกันอยู่ปัจจุบัน ทำให้บริษัทฯ ต้องมีการปรับค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจอีก 15-20% ทั้งนี้ ยอมรับว่าไม่อาจแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ทั้งหมด ฉะนั้น ในช่วงไตรมา 3 จำเป็นต้องปรับราคาขายบ้านเพิ่มอีก 2-3% จากราคาเดิม โดยยังคงรับภาระส่วนหนึ่งไว้ หรือเฉือนกำไรลงเพื่อมิให้ผู้บริโภคต้องเป็นผู้แบกรับแต่เพียงฝ่ายเดียว
กำลังโหลดความคิดเห็น