ASTVผู้จัดการรายวัน - แบงก์ชาติเผยเดือน เม.ย.โครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ บ้านแฝดและอาคารพาณิชย์ ผู้ประกอบเปิดขายคึกคักมากขึ้นหลังจากปัญหาน้ำท่วมคลี่คลาย ขณะที่คอนโดเริ่มแผ่ว ยอมรับต้องติดตามใกล้ชิดแต่ภาพรวมยังไม่น่าตกใจ ส่วนธนาคารพาณิชย์เริ่มระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ธปท.ได้รายงานภาวะภาคอสังหาริมทรัพย์ล่าสุดในเดือน เม.ย.56 พบว่า โครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด อาคารพาณิชย์ เริ่มกลับมาเปิดขายมากขึ้น หลังจากผู้ประกอบการได้ชะลอดูสถานการณ์น้ำท่วมในปีก่อน ขณะที่โครงการอาคารชุดหรือคอนโดเริ่มชะลอตัว หลังจากที่เร่งขายไปมากในไตรมาสที่แล้ว ทำให้ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ ด้านอุปทานยังคงขยายตัวดี โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยบ้านแนวราบ ขณะที่อุปสงค์ของภาคอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลเริ่มชะลอตัวลงบ้าง
ด้านอุปทานของภาคอสังหาริมทรัพย์ คือ ฝั่งผู้ประกอบการมีการเปิดขายโครงการใหม่เพิ่มขึ้น สะท้อนจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 3 เดือนของจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในเดือนนี้เพิ่มขึ้น จาก 9,928 หน่วยในเดือนก่อน มาอยู่ที่ 10,905 หน่วย ตามการปรับเพิ่มขึ้นของที่อยู่อาศัยแนวราบที่เพิ่มขึ้นจาก 2,179 หน่วย มาเป็น 3,742 หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 1,563 หน่วย คิดเป็น 71.73%
ขณะเดียวกันผู้ประกอบการต้องเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงานและเริ่มหาที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการอาคารชุดได้ยากขึ้น โดยเฉพาะทำเลตามแนวรถไฟฟ้า จึงส่งผลให้ในเดือนนี้การเปิดขายอาคารชุดลดลงมาอยู่ที่ 7,163 หน่วย จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 7,749 หน่วย หรือลดลง 586 หน่วย ลดลง 7.56%
ด้านของอุปสงค์ คือ ความต้องการที่อยู่อาศัยมีสัญญาณชะลอตัวลงในเดือนนี้ แต่ยังอยู่ในระดับสูงทั้งที่อยู่อาศัยแนวราบและอาคารชุด หากพิจารณาข้อมูลปรับฤดูกาลเฉลี่ยเคลื่อนที่ 3 เดือน พบว่า จำนวนที่อยู่อาศัยที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ 6,011 หน่วย ซึ่งต่ำกว่าเดือนก่อนเล็กน้อย โดยที่อยู่อาศัยบ้านแนวราบอยู่ที่ 4,078 จากเดือนก่อนอยู่ที่ 4,471 หน่วย ขณะที่อาคารชุดอยู่ที่ 1,933 หน่วย เทียบกับเดือนก่อนหน้า 2,099 หน่วย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากธนาคารพาณิชย์เริ่มระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น
สำหรับดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น โดยดัชนีราคาบ้านเดี่ยวพร้อมที่ดินอยู่ที่ระดับ 106 หรือเพิ่มขึ้น 5%เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.ปีก่อน ดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ พร้อมที่ดินอยู่ที่ 117.3 หรือเพิ่มขึ้น 6.4% ขณะที่ดัชนีราคาอาคารชุดอยู่ที่ระดับ 119.8 หรือเพิ่มขึ้น 10.3% ขณะที่ดัชนีราคาที่ดินอยู่ที่ระดับ 119.4 หรือเพิ่มขึ้น 3.6%
ด้านนายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธปท.กล่าวว่า ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้เปิดขายโครงการรวดเร็วนัก ขณะที่ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ที่สำรวจก็มีทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงพอสมควร ส่วนที่ซื้อเพื่อลงทุนเก็งกำไรมีบ้างตามพื้นที่ในเมืองและหัวเมืองใหญ่ๆ ในบางจังหวัด แต่โดยรวมภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังไม่น่าตกใจ ถือเป็นเรื่องปกติในการลงทุนสินทรัพย์ประเภทนี้ อย่างไรก็ตาม ธปท.ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะสถานการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์มีความคึกคัก.
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ธปท.ได้รายงานภาวะภาคอสังหาริมทรัพย์ล่าสุดในเดือน เม.ย.56 พบว่า โครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด อาคารพาณิชย์ เริ่มกลับมาเปิดขายมากขึ้น หลังจากผู้ประกอบการได้ชะลอดูสถานการณ์น้ำท่วมในปีก่อน ขณะที่โครงการอาคารชุดหรือคอนโดเริ่มชะลอตัว หลังจากที่เร่งขายไปมากในไตรมาสที่แล้ว ทำให้ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ ด้านอุปทานยังคงขยายตัวดี โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยบ้านแนวราบ ขณะที่อุปสงค์ของภาคอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลเริ่มชะลอตัวลงบ้าง
ด้านอุปทานของภาคอสังหาริมทรัพย์ คือ ฝั่งผู้ประกอบการมีการเปิดขายโครงการใหม่เพิ่มขึ้น สะท้อนจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 3 เดือนของจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในเดือนนี้เพิ่มขึ้น จาก 9,928 หน่วยในเดือนก่อน มาอยู่ที่ 10,905 หน่วย ตามการปรับเพิ่มขึ้นของที่อยู่อาศัยแนวราบที่เพิ่มขึ้นจาก 2,179 หน่วย มาเป็น 3,742 หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 1,563 หน่วย คิดเป็น 71.73%
ขณะเดียวกันผู้ประกอบการต้องเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงานและเริ่มหาที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการอาคารชุดได้ยากขึ้น โดยเฉพาะทำเลตามแนวรถไฟฟ้า จึงส่งผลให้ในเดือนนี้การเปิดขายอาคารชุดลดลงมาอยู่ที่ 7,163 หน่วย จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 7,749 หน่วย หรือลดลง 586 หน่วย ลดลง 7.56%
ด้านของอุปสงค์ คือ ความต้องการที่อยู่อาศัยมีสัญญาณชะลอตัวลงในเดือนนี้ แต่ยังอยู่ในระดับสูงทั้งที่อยู่อาศัยแนวราบและอาคารชุด หากพิจารณาข้อมูลปรับฤดูกาลเฉลี่ยเคลื่อนที่ 3 เดือน พบว่า จำนวนที่อยู่อาศัยที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ 6,011 หน่วย ซึ่งต่ำกว่าเดือนก่อนเล็กน้อย โดยที่อยู่อาศัยบ้านแนวราบอยู่ที่ 4,078 จากเดือนก่อนอยู่ที่ 4,471 หน่วย ขณะที่อาคารชุดอยู่ที่ 1,933 หน่วย เทียบกับเดือนก่อนหน้า 2,099 หน่วย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากธนาคารพาณิชย์เริ่มระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น
สำหรับดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น โดยดัชนีราคาบ้านเดี่ยวพร้อมที่ดินอยู่ที่ระดับ 106 หรือเพิ่มขึ้น 5%เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.ปีก่อน ดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ พร้อมที่ดินอยู่ที่ 117.3 หรือเพิ่มขึ้น 6.4% ขณะที่ดัชนีราคาอาคารชุดอยู่ที่ระดับ 119.8 หรือเพิ่มขึ้น 10.3% ขณะที่ดัชนีราคาที่ดินอยู่ที่ระดับ 119.4 หรือเพิ่มขึ้น 3.6%
ด้านนายเมธี สุภาพงษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน ธปท.กล่าวว่า ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้เปิดขายโครงการรวดเร็วนัก ขณะที่ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ที่สำรวจก็มีทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงพอสมควร ส่วนที่ซื้อเพื่อลงทุนเก็งกำไรมีบ้างตามพื้นที่ในเมืองและหัวเมืองใหญ่ๆ ในบางจังหวัด แต่โดยรวมภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังไม่น่าตกใจ ถือเป็นเรื่องปกติในการลงทุนสินทรัพย์ประเภทนี้ อย่างไรก็ตาม ธปท.ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะสถานการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์มีความคึกคัก.
