“จีที เวลธ์” มองผลตอบแทนตลาดทุนดีกว่าการลงทุนในทองคำ ส่งผลนักลงทุนโยกเงิน แถมดอลลาร์แข็งค่าจากข่าวเฟดอาจถอนมาตรการ QE ปลายปีนี้ กดดันราคาทองคำปรับลดลง แนะราคาย่อเหลือ 19,000 บาท/บาททอง ซื้อเก็งกำไร แต่เชื่อสัปดาห์หน้าราคาฟื้นได้จากความต้องการทองคำในเอเชียที่ยังหนุนตลาด ขณะค่าเงินบาททรงตัวสลับอ่อนค่าก่อนการประชุม กนง.วันที่ 29 มองกรอบ 19,500-20,000 บาท/บาททองคำ ส่วนโกลด์ ฟิวเจอร์ส แนะเล่นตามแนวโน้มทางลง ยังเน้นสถานะข้าง Short เมื่อราคา Rebound
นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจัยกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลง นอกเหนือจากการได้รับแรงกดดันจากรายงานว่า กองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลง 0.4% เหลือเพียงระดับ 1,047.13 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค.2550 การระบายสินทรัพย์ปลอดภัย และเข้าถือครองตราสารทุน หรือการลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า รวมถึงการแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์ หลังจากประธานเฟดสาขาซานฟราซิสโก ให้ความเห็นว่า เฟดอาจถอนมาตรการ QE ในปลายปีนี้ ประกอบกับการอ่อนค่าของสกุลเงินสำคัญอย่างค่าเงินเยน และเงินยูโร เป็นปัจจัยหนุนดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (US Dollar Index) ให้แข็งค่า ซึ่งกระทบราคาทอง
ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบราคาทองคำตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากราคาทองคำเมื่อต้นปีอยู่ที่ประมาณ 24,250 บาท/บาททอง ขณะที่ปัจจุบัน (17 พ.ค.) อยู่ที่ประมาณ 19,550 บาท/บาททอง ส่วนการลงทุนในตลาดทุน หรือตลาดหุ้นมีอัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้น เช่น ดัชนีนิกเกอิ มีผลตอบแทนกว่า 68% ดาวโจนส์ มีผลตอบแทนประมาณ 16.25% ขณะตลาดหุ้นไทยดัชนีปรับขึ้นกว่า 15.5% ทั้งหมดเกิดขึ้นในระยะเวลาเพียง 4 เดือน สะท้อนให้เห็นการโยกย้ายเงินมาลงทุนในตลาดทุนเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
“เป็นเรื่องปกติที่นักลงทุนจะหาการลงทุนที่มีผลตอบแทนที่ดี โดยที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี ทำให้ความน่าสนใจในการลงทุนลดลง ในทางกลับกันตลาดทุนกลับมาคึกคัก และสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม หากราคาทองคำย่อลงมาในระดับ 19,000 บาท/บาททอง ให้ซื้อสะสมเพื่อเก็งกำไร” นายกมลธัญ กล่าว
สำหรับคำแนะนำการลงทุนสำหรับทองคำสัปดาห์นี้ (20-24 พ.ค.2556) ฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่าราคาจะสามารถฟื้นตัวกลับมา ได้เนื่องจากราคายังได้รับแรงหนุนหลังอ่อนตัว โดยเฉพาะความต้องการทองคำในตลาดเอเชีย มองกรอบราคาไว้ที่ 1,350-1,415 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 19,500-20,000 บาท/บาททองคำ
ส่วนการลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์ส (Gold Futures) ยังเน้นการลงทุนตลาดแนวโน้มขาลง โดยอาจจะเก็งกำไรข้าง Long ระยะสั้นในช่วงที่ราคาอ่อนตัวลงในกรอบ 1,350-1,360 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 19,100-19,200 บาท/บาททองคำ หรือรอเปิดสถานะข้าง Short ตามกรอบแนวโน้มขาลงในช่วงราคาฟื้นตัว ใกล้ระดับ 1,400-1,420 ดอลลาร์/ออนซ์