ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น กระแสปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปกลับเข้ามาร้อนแรงอีกครั้งหลังจากเงียบหายไปนานเลยทีเดียว โดยประเด็นที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ที่ไซปรัส ที่แม้จะมีขนาดเศรษฐกิจที่ค่อนข้างเล็กเพียง 0.2% ของยูโรโซน แต่ดูเหมือนว่าความกังวลที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมากลับไม่เล็กตามขนาดเศรษฐกิจ สิ่งที่ตามมาคือคำถามมากมายว่า ประเด็นไซปรัสจะสั่นคลอนตลาดการเงินของโลกหรือไม่ และสินทรัพย์การลงทุนต่างๆจะตอบกระแสข่าวนี้อย่างไร ผู้เขียนจึงขอเสนอความเห็นผ่านบทความชิ้นนี้ โดยเน้นไปที่ตลาดทองคำเป็นหลัก
ปัญหาหนี้สาธารณะของยูโรโซนคงเป็นที่ชินชาของคนทั่วไปรวมถึงกระแสข่าวการให้ความช่วยเหลือจากทางผู้นำยูโรโซน และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) แต่สำหรับประเทศไซปรัส การให้ความช่วยเหลือมีข้อแตกต่างจากที่เคยเป็นมา เนื่องจาก ไอเอ็มเอฟ ได้มีเงื่อนไขให้ไซปรับเก็บภาษีผู้ฝากเงินในประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไซปรัสต้องคิดหนัก เพราะจะกระทบกับความเชื่อมั่นของระบบการเงิน เนื่องจากว่าหากเกิดขึ้นจริง ประชาชนคงแห่ถอนเงินออกมา ซึ่งแน่นอนว่าการล่มสลายของระบบการเงินในไซปรัสก็จะเริ่มส่อเค้ามากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามข้อเสนอของไอเอ็มเอฟเป็นที่ตกไปเมื่อไซปรัสปฏิเสธพร้อมทั้งพยายามหาเงินช่วยเหลือตัวเอง(มูลค่า 5,800 ล้านยูโร) แต่ก็อย่างที่ทุกคนคิดเอาไว้ ไซปรัสไม่มีทางหาเงินเองได้ จนต้องกลับมาง้อ ธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) และไอเอ็มเอฟ โดยแลกกับเงื่อนไขที่ว่า ต้องปิดธนาคารไซปรัส ป๊อปปูลาร์แบงก์ เพื่อยุบรวมกับ ธนาคารแห่งไซปรัส ซึ่งตั้งแต่เกิดกระแสในเรื่องการเก็บภาษีเงินฝาก ธนาคารพาณิชย์ก็ปิดทำการชั่วคราวเพื่อป้องกันการแห่ถอนเงินของประชาชน แม้สุดท้ายธนาคารจะเปิดทำการแต่ก็บังคับให้ประชาชนถอนเงินได้ 300 ยูโร ต่อคนต่อวัน
ประเด็นของไซปรัสในช่วงต้นที่กำลังมีปัญหานั้น จุดกระแสความเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยของทองคำให้กลับมา เคลื่อนไหวสวนทางกันกับเงินสกุลยูโรได้ ซึ่งแม้ในขณะที่ประเด็นของไซปรัสเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับจนกดดันราคาทองคำให้อ่อนตัวลงมาได้ แต่ผู้เขียนมีความเห็นว่า ภาพที่เริ่มดูดีนั้นเป็นเพียงเบื้องหน้า แต่หากมองเบื้องหลังจะพบปมปัญหาที่รอคอยการประทุขึ้น เพราะหากย้อนกลับไปจะพบว่าวิธีการที่ผู้นำยูโรโซนใช้แก้ปัญหานั้น เป็นเพียงวิธีซื้อเวลาเท่านั้น
ดังนั้นเงินที่เข้ามาช่วยเหลือผู้เขียนมองว่า ถมเท่าไรก็ไม่เต็ม ทั้งนี้หากลองคิดเล่นๆดูว่า หากไอเอ็มเอฟ บังคับให้ประเทศที่ร้องขอความช่วยเหลือต้องเก็บภาษีเงินฝากบ้าง อะไรจะเกิดขึ้น ซึ่งต้องคอยดูกันต่อไปว่าจะมีเงื่อนไขอะไรที่แปลกใหม่ที่เจ้าหนี้จะใช้บังคับลูกหนี้อีกหรือไม่ ดังนั้นแม้ปัญหาของไซปรัสจะสงบลง ราคาทองคำจึงจำเป็นต้องอ่อนตัวลงตามไปด้วย แต่ในระยะยาวต่อไป คงจะต้องมีประเด็นแบบนี้เกิดขึ้นอีก ซึ่งนั่นก็ถือว่าจะเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อราคาทองคำในระยะยาวอีกครั้ง