xs
xsm
sm
md
lg

เมย์แบงก์ กิมเอ็ง งวดนี้กำไร 539 ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ โชว์ผลงานไตรมาสแรกปีนี้ 539 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 349 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 184% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 189 ล้านบาท ผลจากรายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 128% ตามปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้จากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมพุ่งตาม อีกทั้งการปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดอนุพันธ์ก็สูงขึ้น

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจของเมย์แบงก์ กิมเอ็ง ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้เดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ มีกำไรสุทธิ 539 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 349.42 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 184.32% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 189.58 ล้านบาท

เนื่องจากรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 700.75 ล้านบาท จาก 548.31 ล้านบาท เป็น 1,249.06 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 127.80% เนื่องมาจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น โดยปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจาก 6,707 ล้านบาท เป็น 15,072 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันโดยรวมของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จาก 26,886 ล้านบาท เป็น 57,928 ล้านบาท

ขณะที่รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 10.04 ล้านบาท จาก 64.91 ล้านบาท เป็น 74.95 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15.46% เนื่องมาจากปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจาก 5,482 สัญญา เป็น 10,445 สัญญา ซึ่งเป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน โดยรวมของตลาดอนุพันธ์ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 35,101 สัญญา เป็น 77,118 สัญญา

สำหรับรายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 94.33 ล้านบาท จาก 71.27 ล้านบาท เป็น 165.60 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 132.35% เนื่องมาจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดทุนส่งผลให้เงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เฉลี่ยสำหรับงวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2556 เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมียอดเงินให้กู้ยืมเฉลี่ย 5,043 ล้านบาท เป็น 12,237 ล้านบาท รวมถึงค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 448.92 ล้านบาท จาก 512.13 ล้านบาท เป็น 961.05 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 87.66% ซึ่งค่าใช้จ่ายหลักที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ต้นทุนทางการเงิน ซึ่งเพิ่มขึ้น 58.26 ล้านบาท คิดเป็น 122.51% เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยที่จ่ายให้แก่เงินวางหลักประกันของลูกค้า และเงินกู้ยืมระยะสั้น ค่าธรรมเนียมและบริการจ่าย ซึ่งเพิ่มขึ้น 41.03 ล้านบาทหรือ 79.11% และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ซึ่งเพิ่มขึ้น 335.08 ล้านบาท คิดเป็น 114.22% เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ และผลตอบแทนของเจ้าหน้าที่การตลาด จากการที่ปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น
 
 และในระหว่างงวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2556 บริษัทฯ ได้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบัญชีเกี่ยวกับภาษีเงินได้ โดยได้นำมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 12 เรื่อง ภาษีเงินได้มาถือปฏิบัติ มีผลให้ต้องปรับปรุงย้อนหลังงบการเงินสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2555 ทำให้ภาษีเงินได้ลดลง และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1.95 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น