ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ โชว์ผลงาน Q1/56 ตามคาด มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 21.22 ลบ. จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 19.87 ลบ. หรือเพิ่มขึ้น 1.35 ลบ. หรือ 6.79% เป็นผลมาจากอัตรากำไรขั้นต้นบริษัทฯ สูงขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายลดลง พร้อมประเมินผลงาน Q2/56 โตกว่า หลังรับรู้รายได้งานโครงการที่ถูกเลื่อนมาจากไตรมาส 1/56 เข้ามาสนับสนุน และมุ่งเน้นการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ เน้นรักษาความเป็นผู้นำในงานโครงการอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน บริษัทฯ ตุน Backlog ไว้แล้วที่ 680 ลบ. ทยอยรับรู้รายได้ภายไตรมาส 3/56 นี้ มั่นใจผลงานทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ รายได้เติบโตอีก 15-20%
นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยงวดประจำงวดไตรมาสที่ 1/2556 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2556 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 21.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.35 ล้านบาท หรือ 6.79% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 19.87 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิที่เติบโตขึ้นดังกล่าวเป็นผลจากอัตรากำไรเบื้องต้นที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 28.2 จากปีก่อนอยู่ที่ร้อยละ 26.2
เนื่องจากบริษัทฯ ขายสินค้าที่มีกำไรเบื้องต้นสูง และมีการบริหารต้นทุนสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับบริษัทฯ มีต้นทุนทางการเงินลดลง และค่าใช้จ่ายโดยรวมลดลง แม้รายได้รวมของบริษัทฯ และบริษัทฯ ย่อยจะอยู่ที่ 507.73 ล้านบาท ลดลง 19.49 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.69 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่ทำได้ 527.22 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ถูกเลื่อนรับรู้รายได้งานโครงการจากไตรมาส 1/2556 ไปรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/2556 และไตรมาส 3/2556 โดยมีสาเหตุมาจากงานก่อสร้างอาคารของภาครัฐบาล และงานเกี่ยวกับจอ LED ที่ใช้ในงานมีเดียของลูกค้าแล้วเสร็จล่าช้า อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้อยู่ทั้งสิ้น 680 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานของภาครัฐบาล และเอกชน โดยบริษัทฯ จะทยอยรับรู้รายได้งานดังกล่าวในไตรมาส 2/2556 และไตรมาส 3/2556
“ผลงาน Q1/56 ที่ออกมานั้น ถือว่าออกมาอย่างน่าพอใจ โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเกือบ 7% แม้รายได้บริษัทฯ จะลดลงกว่า 3% นั้น เป็นผลมาจากบริษัทฯ มีอัตรากำไรเบื้องต้นที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายโดยรวมลดลง จากการที่บริษัทฯ กู้ยืมลดลง มีดอกเบี้ยจ่ายลดลง รวมทั้งได้รับผลบวกจากอัตราภาษีเงินได้ที่ลดลงจาก 23% เหลือเพียง 20% แม้ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้วางแผนงานเพื่อรองรับเทคโนโลยีหลอดไฟ LED ส่งให้ในส่วนของค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารงานเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม รายได้บริษัทฯ ที่ลดลงในไตรมาส 1/56 นั้น ไม่ได้มีนัยสำคัญอะไรเป็นพิเศษ บริษัทฯ ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี เพียงแต่เป็นการถูกเลื่อนรับรู้รายได้งานโครงการไปรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/56 และ 3/56 เท่านั้น” นายปกรณ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 2/2556 บริษัทฯ จะมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2556 และงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้ส่วนใหญ่จากงานโครงการที่ถูกเลื่อนมาจากไตรมาส 1/2556 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเน้นการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในงานโครงการ และรุกตลาดค้าปลีกเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ กำลังมองหาทำเลที่เหมาะสมเพื่อขยายสาขาเพิ่ม อีกทั้งอยู่ระหว่างศึกษาและเจรจาเพื่อขยายการลงทุนในประเทศพม่า โดยเชื่อว่าจากปัจจัยข้างต้นจะสนับสนุนให้เป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 15-20% ได้สำเร็จ
“มองว่าในไตรมาส 2/56 และไตรมาส 3/56 จะเป็นช่วงที่บริษัทฯ เติบโตมากที่สุดในปีนี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่บริษัทฯ จะรับรู้รายได้จากงานในมือที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) ที่มีอยู่ประมาณ 680 ล้านบาท เข้ามาอย่างชัดเจน ประกอบกับธุรกิจไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่างมีการเติบโตที่ดีตามงานโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า คอนโดมิเนียม และสำนักงานอาคารต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ยังคงเน้นรักษาความเป็นผู้นำในงานโครงการเหล่านี้อยู่ ขณะที่เทคโนโลยีหลอดไฟ LED เป็นผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่างที่มีอนาคต มีความต้องการใช้เติบโตอย่างรวดเร็ว จึงเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนมากขึ้น และเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ LED ทั้งในประเทศไทย และในภูมิภาคอาเซียน จึงเชื่อว่าจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญ ที่เข้ามาสนับสนุนให้ L&E มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต” นายปกรณ์กล่าว