เจ้าตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ คาดแนวโน้มตลาดปี 56 โตต่อเนื่อง 20% เน้นทำตลาดด้วยการสร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์มากกว่าการจัดโปรโมชัน เตรียมลงทุน 100 ล้านบาทเพิ่มกำลังการผลิต พร้อมขยายตลาดอินโดนีเซีย เผยใช้งบฯ การตลาดขั้นต่ำ 150 ล้านบาทในแคมเปญต่างๆ หวังเร่งยอดขาย 2 พันล้านบาท หลังประสบความเร็จด้วยยอดขาย 52 ล้านขวดต่อปี
นายอดิศักดิ์ รักอริยะพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทรัพย์อนันต์ เยนเนอรัลฟู้ด จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มทั้งหมด 6 แบรนด์มุ่งเจาะตลาดใน 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1. กลุ่มฟังก์ชันนัลดริงก์ ได้แก่ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงามภายใต้แบรนด์ “เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์” และเครี่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มีวิตามินและแร่ธาตุสูงสำหรับคนเมืองและคนทำงานที่มีข้อจำกัดเรื่องเวลาและต้องการดูแลตัวเอง แบรนด์ “เซ็ปเป้ สมา-ที ดริ้งค์” 2. กลุ่มอาหารเสริม คือ แบรนด์ “เซนต์ แอนนา” ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในรูปแบบชอต 3. กลุ่มน้ำผักผลไม้ ประกอบด้วย แบรนด์ “เซ็ปเป้ ฟอร์ วันเดย์” น้ำผักผลไม้เข้มข้น 100% สำหรับคนรักสุขภาพ และ “โมกุ โมกุ” น้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าวรายแรกของโลก 4. กลุ่มผลิตภัณฑ์รูปแบบผง ประกอบด้วยกาแฟและผงคลอโรฟิลล์ชั้นดีนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ภายใต้แบรนด์ “เพรียว คอฟฟี่” และ “เพรียว คลอโรฟิลล์”
“ในปี 2555 บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานในอัตราที่เติบโตขึ้นต่อเนื่อง สามารถทำยอดขายรวมทั้งหมดเป็นมูลค่ากว่า 1.8 พันล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 ยังมีอัตราการเติบโตกว่า 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้ตลอดทั้งปี 2556 คิดเป็นมูลค่าประมาณ2 พันล้านบาท ส่วนที่มาของรายได้ทั้งหมดนั้นแยกเป็นรายได้จากกลุ่มฟังก์ชันนอลดริ้งค์ประมาณ 700 ล้านบาท กลุ่มผลิตภัณฑ์รูปแบบผง ประมาณ 400 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มอาหารเสริมและกลุ่มน้ำผักผลไม้ รวมถึงการทำตลาดส่งออกซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ของรายได้ทั้งหมด”
สำหรับแผนธุรกิจประจำปี 2556 นั้น บริษัทเตรียมงบประมาณ 100 ล้านบาทเพื่อใช้ในการลงทุนด้านเครื่องจักรและเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มไลน์การผลิตเป็น 420 ล้านขวดต่อปี พร้อมเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในช่วงไตรมาสที่สองของปี รวมถึงเร่งทำตลาดส่งออกเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีจำหน่ายกว่า 50 ประเทศทั่วโลก โดยล่าสุดได้ร่วมทุนก่อตั้งบริษัทจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เซ็ปเป้ในประเทศอินโดนีเซีย เพิ่มเติมจากที่เคยมีบริษัทและโรงงานผลิตในประเทศสโลวาเกีย
“เหตุผลที่เลือกทำตลาดในประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากเรามีข้อได้เปรียบในฐานะที่เคยทดลองทำตลาดมาก่อน ประกอบกับมีผู้ร่วมทุนที่ดี รวมถึงจุดเด่นในเรื่องของขนาดตลาดและจำนวนประชากรที่มีสูงกว่า 200 ล้านคน ซึ่งถ้าหากเราสามารถทำตลาดในประเทศอินโดนีเซียได้ประสบความสำเร็จ ย่อมหมายถึงโอกาสที่จะขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ ในกลุ่มอาเซียนต่อไป”
บริษัทยังมีแผนธุรกิจสำคัญที่เริ่มดำเนินการแล้วคือการใช้งบประมาณ 100 ล้านบาทจากงบประมาณการตลาดรวม 150 ล้านบาทเพื่อใช้ในการเดินหน้าขยายตลาดเฉพาะในส่วนของเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “เซ็ปเป้” สามารถครองยอดขายเป็นอันดับ 1 ในตลาดรวมติดต่อกันอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยสัดส่วนประมาณ 56% โดยมั่นใจว่าตลาดยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากปีก่อนประมาณ 20% เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มหันมาให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพและความสวยงามมากขึ้นอันเป็นผลมาจากการที่มีสินค้าใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น จนส่งผลให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายรวมมีการขยายตัวสูงขึ้นตามไปด้วยโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าผู้ชาย
หนึ่งในแผนการรุกตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ คือ การใช้งบประมาณขั้นต่ำ 50 ล้านบาทในการเปิดตัว 5 พรีเซ็นเตอร์พร้อมภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ “สถิติความสวย” เพื่อสื่อสารและตอกย้ำความเป็นผู้นำของตลาดด้วยยอดขายมากกว่า 52 ล้านขวดในปี 2555 โดยจะเริ่มออกอากาศครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย.ศกนี้เป็นต้นไป นอกจากนั้นบริษัทยังจะมีการใช้กลยุทธ์ทางการสื่อสารใหม่ๆ อาทิ การตลาดแบบออนไลน์มากขึ้นเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช้สื่อสมัยใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาและวัยทำงาน รวมถึงกลุ่มผู้หญิงที่ต้องการความสวยดูดีในแบบของตัวเองที่มีช่วงอายุระหว่าง 18-35 ปี
นายอดิศักดิ์กล่าวด้วยว่า ตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ไทยมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งยังมีพัฒนาการที่หลากหลายและมีความโดดเด่นสูงเทียบชั้นกับประเทศญี่ปุ่นและมากกว่าทุกประเทศในยุโรป รวมถึงสหรัฐอเมริกา ด้วยเหตุนี้สินค้าของทุกแบรนด์ในตลาดจึงจำเป็นต้องปรับแผนให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ตลาดมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องการรักษาคุณภาพและรสชาติของผลิตภัณฑ์
“สำหรับแบรนด์เซ็ปเป้จะเน้นทำตลาดในลักษณะ Brand Image มากกว่าการจัดโปรโมชั่นแรงๆ ซึ่งอาจมีผลให้ตลาดมีทิศทางการเปลี่ยนแปลงในเชิงลบได้ ด้วยเหตุนี้เราจึงเน้นกลยุทธ์ในเรื่องของการพยายามเจาะช่องว่างใหม่ๆ ทางการตลาดเพื่อคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าด้วยการดื่มแล้วสามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจน”
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมแผนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่องโดยร่วมออกบูธในงานมหกรรมต่างๆ อาทิ การร่วมออกบูธแสดงสินค้าในงาน THAIFEX WORLD OF FOOD ASIA 2013 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ในวันที่ 22-26 พ.ค.ศกนี้