ASTVผู้จัดการรายวัน - "ไอ.ซี.ซี.ฯ" ปรับระบบการทำงานใหม่ครั้งใหญ่ หวังเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มยอดขาย สู้ศึก หลังพบว่าไตรมาสแรกยอดขายโตต่ำเป้าหมาย ประเดิมแบรนด์วาโก้ เริ่มปรับก่อน อัดงบ 100 ล้านบาท กรำศึกตลาดชุดชั้นใน
นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซิ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในเครือสหพัฒน์ ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในวาโก้ เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างและระบบการทำงานใหม่ถือได้ว่าเป็นครั้งใหญ่ในรอบ 43 ปีของไอ.ซี.ซี.ฯก็ว่าได้ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์อย่างน้อยอีก 2-3 ปีจากนี้ อย่างไรก็ตาม การปรับดังกล่าวเป็นเพียงแค่ในส่วนของระบบขั้นตอนการทำงานเท่านั้น ไม่ได้มีการปรับเรื่องการบริหารงานหรือโครงสร้างผู้บริหารแต่อย่างใด จากจำนวนพนักงานกว่า 7,000 คน
โดยการปรับครั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านระบบการจัดการ การสั่งสินค้า การซื้อวัตถุดิบ การจัดส่ง รวมไปถึงการลดขั้นตอนการทำงานเพื่อชดต้นทุนและทำให้เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย โดยคาดว่าจะเริ่มทีละหน่วยงานหรือทีละแบรนด์ ซึ่งเริ่มที่แบรนด์วาโก้ก่อน ได้ทยอยปรับบางส่วนแล้ว ทำให้สามารถขนส่งสินค้าไปยังเป้าหมายได้ทุกวัน จากเดิมต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์ในบางสาขา ทำให้เสียโอกาสในการขาย
ปัจจุบันบริษัทฯมีสินค้าที่อยู่ในความรับผิดชอบมากกว่า 60 แบรนด์ และหลายร้อยเอสเคยู ซึ่งมีสินค้าหลักๆที่ทำรายได้สูงสุดคือ 1.วาโก้ สัดส่วน 30% จากยอดขาย 2.แอร์โรว์ 3. บีเอสซี 4. เอสเซ้นส์ จากรายได้รวมมากกว่า 13,000 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว ส่วนปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 14,000 ล้านบาท
สำหรับในช่วงไตรมาสแรกนี้บริษัทฯมีผลประกอบการรวมเติบโตประมาณ 5% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายรวมที่ตั้งไว้ที่ 30% แบรนด์สินค้าในเครือทุกตัวเฉลี่ยเติบโตเท่าๆกันหมด ซึ่งอาจเป็นเพราะแต่ก็ยอมรับว่าเป็นเป้าหมายที่ตั้งไว้สูงมาก อาจจะเป็นเพราะอยู่ในช่วงของการปรับระบบการทำงาน เศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย กำลังซื้อของผู้บริโภค
ขณะที่แบรนด์วาโก้นั้นไตรมาสแรกเติบโต7% ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 30% ซึ่งเป็นผลมาจาก ตลาดชุดชั้นในที่แข่งรุนแรงมากขึ้น ขณะที่ตลาดรวมเติบโตแค่ 10% จากมูลค่าประมาณ 1,800 ล้านบาทในไตรมาสแรก แต่คาดว่าทั้งปี วาโก้จะเติบโต 30% จากตลาดรวมที่มีมูลค่า 7,000 ล้านบาททั้งปี และยังคงเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 60% หากรวมทุกแบรนด์ในเครือจะมีส่วนแบ่งตลาดรวม 80%
แผนธุรกิจวาโก้ปีนี้ จะใช้งบตลาดรวมกว่า 100 ล้านบาท ทำทั้งบีโลวเดอะไลน์และอโบฟเดอะไลน์ และจะเน้นการออกคอลเลคชั่นนวัตกรรมใหม่ๆประมาณ 2-3 ครั้งต่อปี เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำของแบรนด์วาโก้ ซึ่งสัดส่วนชุดชั้นในของวาโก้นั้นจะเป็น เบสิกมากกว่า70% และเป็นแบบแฟชัjน 30%
"ตลาดชุดชั้นในตอนนี้แข่งกันรุนแรงมาก คู่แข่งก็มีความแข็งแรงมากขึ้น แต่เราก็ยังคงเป็นผู้นำอยู่ ช่วงต้นปีลูกค้าอาจจะชะลอการซื้อไปบ้างในภาพรวม เป็นเพราะว่า โครงการรถคันแรกอาจจะมีผลบ้าง แต่ก็ไม่มากนักอีกทั้งหน้าขายของตลาดชุดชั้นในจะมีมากในช่วงไตรมาสสุดท้ายอยู่แล้ว เราเองก็คงไม่ปรับเป้าหมายคงทำต่อไป" นายธรรมรัตน์กล่าว
นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซิ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในเครือสหพัฒน์ ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในวาโก้ เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างและระบบการทำงานใหม่ถือได้ว่าเป็นครั้งใหญ่ในรอบ 43 ปีของไอ.ซี.ซี.ฯก็ว่าได้ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์อย่างน้อยอีก 2-3 ปีจากนี้ อย่างไรก็ตาม การปรับดังกล่าวเป็นเพียงแค่ในส่วนของระบบขั้นตอนการทำงานเท่านั้น ไม่ได้มีการปรับเรื่องการบริหารงานหรือโครงสร้างผู้บริหารแต่อย่างใด จากจำนวนพนักงานกว่า 7,000 คน
โดยการปรับครั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านระบบการจัดการ การสั่งสินค้า การซื้อวัตถุดิบ การจัดส่ง รวมไปถึงการลดขั้นตอนการทำงานเพื่อชดต้นทุนและทำให้เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย โดยคาดว่าจะเริ่มทีละหน่วยงานหรือทีละแบรนด์ ซึ่งเริ่มที่แบรนด์วาโก้ก่อน ได้ทยอยปรับบางส่วนแล้ว ทำให้สามารถขนส่งสินค้าไปยังเป้าหมายได้ทุกวัน จากเดิมต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์ในบางสาขา ทำให้เสียโอกาสในการขาย
ปัจจุบันบริษัทฯมีสินค้าที่อยู่ในความรับผิดชอบมากกว่า 60 แบรนด์ และหลายร้อยเอสเคยู ซึ่งมีสินค้าหลักๆที่ทำรายได้สูงสุดคือ 1.วาโก้ สัดส่วน 30% จากยอดขาย 2.แอร์โรว์ 3. บีเอสซี 4. เอสเซ้นส์ จากรายได้รวมมากกว่า 13,000 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว ส่วนปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 14,000 ล้านบาท
สำหรับในช่วงไตรมาสแรกนี้บริษัทฯมีผลประกอบการรวมเติบโตประมาณ 5% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายรวมที่ตั้งไว้ที่ 30% แบรนด์สินค้าในเครือทุกตัวเฉลี่ยเติบโตเท่าๆกันหมด ซึ่งอาจเป็นเพราะแต่ก็ยอมรับว่าเป็นเป้าหมายที่ตั้งไว้สูงมาก อาจจะเป็นเพราะอยู่ในช่วงของการปรับระบบการทำงาน เศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย กำลังซื้อของผู้บริโภค
ขณะที่แบรนด์วาโก้นั้นไตรมาสแรกเติบโต7% ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 30% ซึ่งเป็นผลมาจาก ตลาดชุดชั้นในที่แข่งรุนแรงมากขึ้น ขณะที่ตลาดรวมเติบโตแค่ 10% จากมูลค่าประมาณ 1,800 ล้านบาทในไตรมาสแรก แต่คาดว่าทั้งปี วาโก้จะเติบโต 30% จากตลาดรวมที่มีมูลค่า 7,000 ล้านบาททั้งปี และยังคงเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 60% หากรวมทุกแบรนด์ในเครือจะมีส่วนแบ่งตลาดรวม 80%
แผนธุรกิจวาโก้ปีนี้ จะใช้งบตลาดรวมกว่า 100 ล้านบาท ทำทั้งบีโลวเดอะไลน์และอโบฟเดอะไลน์ และจะเน้นการออกคอลเลคชั่นนวัตกรรมใหม่ๆประมาณ 2-3 ครั้งต่อปี เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำของแบรนด์วาโก้ ซึ่งสัดส่วนชุดชั้นในของวาโก้นั้นจะเป็น เบสิกมากกว่า70% และเป็นแบบแฟชัjน 30%
"ตลาดชุดชั้นในตอนนี้แข่งกันรุนแรงมาก คู่แข่งก็มีความแข็งแรงมากขึ้น แต่เราก็ยังคงเป็นผู้นำอยู่ ช่วงต้นปีลูกค้าอาจจะชะลอการซื้อไปบ้างในภาพรวม เป็นเพราะว่า โครงการรถคันแรกอาจจะมีผลบ้าง แต่ก็ไม่มากนักอีกทั้งหน้าขายของตลาดชุดชั้นในจะมีมากในช่วงไตรมาสสุดท้ายอยู่แล้ว เราเองก็คงไม่ปรับเป้าหมายคงทำต่อไป" นายธรรมรัตน์กล่าว