ASTVผู้จัดการรายวัน - “ไทรอัมพ์” ปัดฝุ่น “สล็อกกี้” ทุ่มงบ 100% อัดกิจกรรมครั้งใหญ่ในรอบ 3 ปี ขยายฐานลูกค้า แจกแซมปลิ้งจับกลุ่มสาวสำนักงาน หวังไล่บี้ “จ็อกกี้” นั่งบัลลังก์ผู้นำชุดชั้นในแบบสวมใส่สบาย ด้วยยอดขายที่เติบโตมากกว่า 10% มากกว่าตลาดรวมชุดชั้นในมูลค่า 4,000 ล้านบาทที่ปีนี้คาดว่าจะเติบโต 9-10%
น.ส.ชลรดี เลี่ยมตระกูล หัวหน้าการตลาด บริษัท ไทรอัมพ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้ทางบริษัทฯ พร้อมใช้งบการตลาดมากกว่าปีก่อนเป็นเท่าตัวสำหรับการกลับมารุกทำตลาดครั้งใหญ่ให้กับชุดชั้นในแบรนด์ “สล็อกกี้” (sloggi) อีกครั้งในรอบ 3 ปี หลังจากที่ผ่านมาจะมุ่งความสำคัญไปกับเรื่องของดีไซน์เป็นหลัก แต่ในปีนี้ต้องการกลับมาทำตลาดมุ่งให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเบสิก พร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้นำในกลุ่มชุดชั้นในประเภทสวมใส่สบาย จากที่ผ่านมาอยู่ในอันดับ 2 ของตลาดรองจากแบรนด์ “จ็อกกี้”
สำหรับแผนการทำตลาดในปีนี้จะมีการจัดกิจกรรมและแคมเปญส่งเสริมการขายครั้งใหญ่ 2-3 งาน พร้อมขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มเดิมที่มีอายุ 25-40 ปี สู่กลุ่มสาวออฟฟิศมากยิ่งขึ้น รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการซื้อในจำนวนที่มากขึ้นตามไปด้วย
ล่าสุดในช่วงซัมเมอร์นี้ได้จัดแคมเปญ “24/7 ท้าลองกางเกงใน sloggi รุ่น Comfort” พร้อมแจกคูปองโปรโมชัน ซื้อ 2 แถม 1 ให้กลุ่มลูกค้าได้ซื้อสินค้าไปทดลองเพิ่มเติม เริ่มจากวันที่ 24 เม.ย.ศกนี้ จะมีการแจกกางเกงใน sloggi ที่ตึกยูไนเต็ดทาวเวอร์ สีลม จำนวน 247 ชิ้น และในวันที่ 27 เม.ย.จะมีการแจกกางเกงใน sloggi อีก 300 ชิ้นที่โรบินสัน พระราม 9, เซ็นทรัล ลาดพร้าว และเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน รวมแล้วกว่า 500 ชิ้น เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายจากปกติได้อีกไม่ต่ำกว่า 20%
ปัจจุบัน sloggi มียอดขายจากกลุ่มสินค้า3 ส่วนหลัก คือ เบสิก 80%, แฟชั่น 15% และสปอร์ต 5% โดยสินค้าประเภทกางเกงในจะมีราคาเฉลี่ยที่ 200-300 บาทต่อชิ้น และเสื้อชั้นในจะมีราคา 900-1,200 บาทต่อชิ้น โดยราคาที่จำหน่ายจะแพงกว่าคู่แข่งอย่างจ็อกกี้ราว 10-15% ทั้งนี้คาดว่าถึงสิ้นปีสล็อกกี้จะมียอดขายมากกว่าปีก่อน หรือมีรายได้เติบโตเป็น 2 หลัก ซึ่งเป็นตัวเลขการเติบโตมากกว่าตลาดในกลุ่มชุดชั้นในประเภทเบสิกที่มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ปีนี้มองว่าจะเติบโต 9-10% เช่นเดียวกับตลาดรวม 4,000 ล้านบาท (ในช่องทางดีพาร์ทเม้นท์สโตร์)
อย่างไรก็ตาม สล็อกกี้ถือเป็นแบรนด์ในกลุ่มชุดชั้นในที่ทำรายได้ให้กับไทรอัมพ์ที่สัดส่วน 15% เป็นอันดับ 2 รองจากชุดชั้นในแบรนด์ไทรอัมพ์ที่ทำรายได้ให้บริษัทกว่า 80% และที่เหลืออีก 5% มาจากแบรนด์ชุดชั้นในในเครืออีก 3 แบรนด์ คือ วาเลนเซีย, ออม และดีว่า บาย ไทรอัมพ์
ขณะที่ภาพรวมตลาดชุดชั้นในจะมีการแข่งขันสูงขึ้นในเรื่องของดีไซน์ ความถี่ ฟังก์ชัน และอินโนเวชั่น โดยปัจจุบันพบว่าลูกค้าจะมีจำนวนชุดชั้นในไม่ต่ำกว่า 20 ชิ้น และกางเกงในกว่า 30 ตัว อีกทั้งยังมีไลฟ์สไตล์ในการเลือกซื้อชุดชั้นในแยกประเภทการใช้งานมากยิ่งขึ้นด้วย เช่น ชุดชั้นในสำหรับใส่กับเสื้อเชิ้ต, สำหรับใส่ออกกำลังกาย, สำหรับใส่นอน เป็นต้น
น.ส.ชลรดี เลี่ยมตระกูล หัวหน้าการตลาด บริษัท ไทรอัมพ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้ทางบริษัทฯ พร้อมใช้งบการตลาดมากกว่าปีก่อนเป็นเท่าตัวสำหรับการกลับมารุกทำตลาดครั้งใหญ่ให้กับชุดชั้นในแบรนด์ “สล็อกกี้” (sloggi) อีกครั้งในรอบ 3 ปี หลังจากที่ผ่านมาจะมุ่งความสำคัญไปกับเรื่องของดีไซน์เป็นหลัก แต่ในปีนี้ต้องการกลับมาทำตลาดมุ่งให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเบสิก พร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้นำในกลุ่มชุดชั้นในประเภทสวมใส่สบาย จากที่ผ่านมาอยู่ในอันดับ 2 ของตลาดรองจากแบรนด์ “จ็อกกี้”
สำหรับแผนการทำตลาดในปีนี้จะมีการจัดกิจกรรมและแคมเปญส่งเสริมการขายครั้งใหญ่ 2-3 งาน พร้อมขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มเดิมที่มีอายุ 25-40 ปี สู่กลุ่มสาวออฟฟิศมากยิ่งขึ้น รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการซื้อในจำนวนที่มากขึ้นตามไปด้วย
ล่าสุดในช่วงซัมเมอร์นี้ได้จัดแคมเปญ “24/7 ท้าลองกางเกงใน sloggi รุ่น Comfort” พร้อมแจกคูปองโปรโมชัน ซื้อ 2 แถม 1 ให้กลุ่มลูกค้าได้ซื้อสินค้าไปทดลองเพิ่มเติม เริ่มจากวันที่ 24 เม.ย.ศกนี้ จะมีการแจกกางเกงใน sloggi ที่ตึกยูไนเต็ดทาวเวอร์ สีลม จำนวน 247 ชิ้น และในวันที่ 27 เม.ย.จะมีการแจกกางเกงใน sloggi อีก 300 ชิ้นที่โรบินสัน พระราม 9, เซ็นทรัล ลาดพร้าว และเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน รวมแล้วกว่า 500 ชิ้น เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายจากปกติได้อีกไม่ต่ำกว่า 20%
ปัจจุบัน sloggi มียอดขายจากกลุ่มสินค้า3 ส่วนหลัก คือ เบสิก 80%, แฟชั่น 15% และสปอร์ต 5% โดยสินค้าประเภทกางเกงในจะมีราคาเฉลี่ยที่ 200-300 บาทต่อชิ้น และเสื้อชั้นในจะมีราคา 900-1,200 บาทต่อชิ้น โดยราคาที่จำหน่ายจะแพงกว่าคู่แข่งอย่างจ็อกกี้ราว 10-15% ทั้งนี้คาดว่าถึงสิ้นปีสล็อกกี้จะมียอดขายมากกว่าปีก่อน หรือมีรายได้เติบโตเป็น 2 หลัก ซึ่งเป็นตัวเลขการเติบโตมากกว่าตลาดในกลุ่มชุดชั้นในประเภทเบสิกที่มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ปีนี้มองว่าจะเติบโต 9-10% เช่นเดียวกับตลาดรวม 4,000 ล้านบาท (ในช่องทางดีพาร์ทเม้นท์สโตร์)
อย่างไรก็ตาม สล็อกกี้ถือเป็นแบรนด์ในกลุ่มชุดชั้นในที่ทำรายได้ให้กับไทรอัมพ์ที่สัดส่วน 15% เป็นอันดับ 2 รองจากชุดชั้นในแบรนด์ไทรอัมพ์ที่ทำรายได้ให้บริษัทกว่า 80% และที่เหลืออีก 5% มาจากแบรนด์ชุดชั้นในในเครืออีก 3 แบรนด์ คือ วาเลนเซีย, ออม และดีว่า บาย ไทรอัมพ์
ขณะที่ภาพรวมตลาดชุดชั้นในจะมีการแข่งขันสูงขึ้นในเรื่องของดีไซน์ ความถี่ ฟังก์ชัน และอินโนเวชั่น โดยปัจจุบันพบว่าลูกค้าจะมีจำนวนชุดชั้นในไม่ต่ำกว่า 20 ชิ้น และกางเกงในกว่า 30 ตัว อีกทั้งยังมีไลฟ์สไตล์ในการเลือกซื้อชุดชั้นในแยกประเภทการใช้งานมากยิ่งขึ้นด้วย เช่น ชุดชั้นในสำหรับใส่กับเสื้อเชิ้ต, สำหรับใส่ออกกำลังกาย, สำหรับใส่นอน เป็นต้น
