สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เสนอรัฐฯ วางมาตรการระยะสั้น 6 เดือนตามตัวอย่างอินโดนีเซียสกัดต่างชาติขนเงินมาลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น แก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่า ชี้การลดดอกเบี้ยควรเก็บไว้เป็นกระสุนสำรองใช้หากมีเงินไหลผิดปกติเข้ามาในอนาคต
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า จากการประชุมของสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้ข้อสรุปที่จะเสนอแนะภาครัฐฯ เพื่อการชะลอการแข็งของค่าเงินบาทว่าควรจะจำกัดการเก็งกำไรในตราสารหนี้ระยะสั้นของนักลงทุนต่างประเทศ เช่น โดยมีการกำหนดมาตรการไม่เกิน 6 เดือน เช่น ที่ประเทศอินโดนีเซียได้เคยปฏิบัติได้ผลมาแล้ว เหตุที่นักลงทุนต่างชาติเข้ามาเก็งกำไรในตราสารหนี้ระยะสั้นของไทย เนื่องจากมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระต่ำ และมีอัตราดอกเบี้ยที่จะได้รับแน่นอนซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศ รวมถึงแนวโน้มค่าเงินที่แข็งขึ้นจะส่งผลให้ได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นอีก ไม่ให้กระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนระยะยาว
ปัจจุบัน มีนักลงทุนต่างประเทศถือตราสารหนี้ระยะสั้นอยู่ราว 2 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 23% ของเงินลงทุนทั้งหมดในตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 1.4 แสนล้านบาท จากสิ้นปีที่ผ่านมา ขณะที่เงินที่เข้ามาลงทุนระยะยาวสภาธุรกิจตลาดทุนไทยไม่สนับสนุนให้สกัดกั้น เนื่องจากสามารถนำไปใช้ลงทุนต่อ และก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศได้ ทั้งนี้ เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวน่าจะเป็นผลบวกต่อค่าเงินบาท และทำให้มีเสถียรภาพมากขึ้น แม้ในระยะยาวปริมาณที่เพิ่มขึ้นจากการอัดฉีดสภาพคล่องปริมาณมหาศาลจากทั้งอเมริกา ยุโรป และญี่ป่น จะยังคงไหลเข้ามายังประเทศไทยอยู่
สำหรับมาตรการลดดอกเบี้ย น่าจะยังไม่มีความจำเป็นสำหรับปัจจุบัน แต่ควรเก็บไว้ใช้ในอนาคต เพราะระยะยาวยังมีโอกาสที่เงินจากต่างประเทศจะไหลเข้ามาได้อีก โดยล่าสุดธนาคารกลางยุโรปก็ได้มีการลดดอกเบี้ยลง 0.25%
คลิกเพื่อชมคลิป :
