บลจ.มอง เงินทุนไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ดันเงินบาทแข็งค่า ส่งผลให้การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็นไปได้ยาก แนะลงทุนกองทุนบอนด์สั้นรอดูสถานการณ์
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)ฟินันซ่า จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์ค่าเงินบาทขณะนี้คิดว่า โอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะขึ้นดอกเบี้ยนั้นต่ำมาก ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ การลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยนโยบายจึงน่าสนใจแก่นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ
ทั้งนี้ค่าเงินบาทเริ่มแข็งค่ามากเกินไปและเร็วเกินไป มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยจะออกมาตรการพิเศษมาดูแลค่าเงินบาท อาทิ การลดดอกเบี้ย การเก็บค่าธรรมเนียมเงินลงทุนต่างประเทศระยะสั้น เป็นต้น แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจน คือการขึ้นดอกเบี้ยจะไม่เกิดขึ้นในครึ่งแรกของปีนี้
ดังนั้น บลจ.ฟินันซ่า เสนอกองทุนตราสารหนี้ ระยะสั้น อายุ 3 เดือน ชื่อกองทุนเปิดฟินันซ่าตราสารหนี้พลัส โรล โอเวอร์ 3 เดือน 3 (FAM FIPR3M3) ซึ่งให้ประมาณการผลตอบแทนที่ 2.95 % ต่อปี สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก 3 เดือนของธนาคารพาณิชย์ โดยเปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 29 เม.ย.-8 พ.ค. 2556 นี้
ทางด้านนายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงศรี จำกัด กล่าวว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศ6M6(KFFIF6M6) อายุประมาณ 6 เดือน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคาร Union National Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 20% เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาขามาเก๊า , สาธารณรัฐประชาชนจีน) สัดส่วนการลงทุน 10%
นอกจากนี้จะลงทุนเงินฝากธนาคาร Commercial Bank of Qatar (กาตาร์) สัดส่วนการลงทุน 10% ตราสารหนี้ ECP รับประกันโดยธนาคาร Sberbank of Russia สัดส่วนการลงทุน 15% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Banco Santander Brasil S.A. (บราซิล) สัดส่วนการลงทุน 15% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Banco Itau Unibanco S.A (บราซิล) สัดส่วนการลงทุน 15% และตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Industrial and Commercial Bank of China Asia Ltd. (สาธารณรัฐประชาชนจีน , ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 15% และกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 3.00 % ต่อปี