หลักทรัพย์แนะเงินบาทแข็งไม่กระทบตลาดหุ้นรุนแรงถึงขนาดใช้มาตรการแช่แข็งค่าเงิน เพราะมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเพียงแค่ 500 กว่าบริษัท อีกกว่า 200,000 บริษัท ที่อยู่นอกตลาดหุ้น ห่วงเงินลงทุนใหลเข้าเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น แนะจับตา ธปท.อาจเป็นการยากที่ธนาคารจะลดอัตราดอกเบี้ยเพราะกระทบตลาดรวม
นายประภาส ตันติพิบูลศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.กรุงศรี ได้กล่าวในงานสัมมนา ไขความลับกว่าจะเป็น วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับ 4 ของโลก โดย แมรี่ บัฟเฟตต์ “Exploring Buffettology with Mary Buffett” ว่า จากทฤษฎีของคุณแมรี่ บัฟเฟตต์ ที่มีปรัชญาและหลักการของการลงทุน สามารถนำมาประยุต์ใช้ในตลาดทุนได้ทั่วโลก ในระยะเวลา 7 ปี ที่ผ่านมา บลจ.กรุงศรี ได้นำเอาปรัชญาของวอเรน บัฟเฟ็ตต์ มาใช้ด้วยหลักคิดและกระบวนการทั้งหมด เป็นแนวทางพื้นฐานของการลงทุน และนำมาใช้กับตลาดหุ้นไทย ทั้งในแง่ผลตอบแทนของ บลจ.กรุงศรี ก็ให้ผลตอบแทนในระดับที่ดี โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 20% ต่อปี ซึ่งเน้นหลักการขั้นพื้นฐานการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่เลือกลงทุนกับบริษัทที่เป็นผู้นำ และมีศักยภาพในการแข่งขันระยะยาว สร้างกำไรให้แก่ผู้ถือหุ้น และจ่ายเงินปันผลได้อย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของการออกมาตรการที่จะควบคุมเงินบาทแข็งค่าไม่ให้มากไปกว่านี้ เชื่อว่ามองว่าจะมีแนวโน้มเชิงลบกับทั้งตลาดหุ้น และตลาดตราสารหนี้อย่างมาก เพราะประเทศไทยเคยมีประสบการณ์จากการที่ในปี 2007 ที่สกัดกั้นไม่ให้เงินใหลเข้าตลาดมากเกินไป ผู้ที่ออกระเบียบการต่างๆ รับรู้ถึงผลกระทบที่มีต่อตลาดเงินและตลาดทุน โดยครั้งนี้ผลกระทบที่มีต่อตลาด
เงินจะยังคงมีอยู่ แต่ที่จะกระทบต่อตลาดทุนจะมีน้อย เพราะมีบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเพียง 500 กว่าบริษัท อีกกว่า 200,000 บริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ฯ และตัวนักลงทุนเองก็ต้องคอยติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะกระทบต่อการลงทุน
ในส่วนตราสารหนี้ที่มีเงินใหลเข้าตลาดมาก ทั้งตราสารที่อายุน้อย และตราสารที่อายุมาก ช่วงหลังเริ่มมีตราสารที่มีอายุ 3-8 ปีมากขึ้นเรื่อยๆ ได้สะท้อนมุมมองนักลงทุนต่างประเทศ ทางด้านดอกเบี้ยระยะยาวของประเทศไทย น่าจะมีแนวโน้มอ่อนตัวลง อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจโลกอ่อนตัว ดอกเบี้ยต่างๆ ทั่วโลกมีอยู่ในระดับต่ำ ถ้าท้ายที่สุดแล้วมีเงินใหลเข้ามาเรื่อยๆ อาจต้องมีการลดดอกเบี้ยลง
อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่พยายามดูแลในเรื่องเสถียรภาพด้านราคา และภาวะเงินเฟ้อ อาจเป็นการยากที่ธนาคารจะลดอัตราดอกเบี้ยลงมา เพราะฉะนั้น มาตรการที่ ธปท. จะสามารถทำได้คือ การสกัดกั้นดูแลไม่ให้เงินที่จะเข้ามาเก็งกำไร หรือมาลงทุนระยะสั้นใหลเข้ามาในตลาดตราสารหนี้มีมากเกินไป
ขณะเดียวกัน ราคาตราสารหนี้ในระยะสั้นอาจจะมีการปรับตัวลดลงได้บ้าง โดยมีแรงขายที่เกิดขึ้นจากนักลงทุนในประเทศ หากมีมาตรการสกัดกั้นออกมาที่จะทำให้นักลงทุนต่างชาติที่มีต้นทุนทางการเงินมากขึ้น ทำให้นักลงทุนบางส่วนขายตราสารหนี้ในประเทศไทยแล้วเอาเงินกลับประเทศ หรือย้ายเงินลงทุนไปยังประเทศอื่นแทน
ด้านนายกฤษณ์ จันทโนทก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจเงินฝาก การลงทุน ประกันภัย และธนบดี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า การนำแนวคิดบัฟเฟตโทโลจี้มาปรับใช้ ในการลงทุน ในส่วนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีความตื่นตัวร้อนแรง จะทำยังไงถึงจะปรับนำมาใช้ได้ ทั้งฝั่งธนาคาร หรือผู้ถือหุ้น การจัดการกองทุนรวม และมุมมองของผู้บริหารในตลาดทุนเองที่ให้มุมมองที่แตกต่างกันแต่สามารถประมวลผลรวมออกมาเป็นแนวทางเดียวกันได้ จะบริหารจัดการเงินให้มีกำไรเป็นบวกสามารถจะทำได้อย่างไรบ้าง
อย่างไรก็ดี การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะออกมาตรการสกัดเงินที่ไหลเข้ามาลงทุน ยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจน เป็นแค่การปรึกษาหารือเพื่อกำหนดแนวทางคร่าวๆ ไว้ ซึ่งเงินที่ไหลเข้ามาลงทุนนี้ไม่ได้ใหลเข้าเพียงแค่ประเทศไทยประเทศเดียว แต่ไหลเข้ามาลงทุนทั่วทั้งตลาดเอเชีย ความรุนแรงของเงินทุนที่ไหลเข้ามาถือเป็นความรุนแรงของการลงทุนในระยะสั้น อาจไม่ใช่เป็นผลกระทบไปในทางบวกที่ดีนัก แต่ส่วนใหญ่จากที่สังเกตพบเป็นเงินลงทุนระยะยาว อาจจะมีมาตรการที่ออกมาในส่วนของการแก้ปัญหาค่าเงินมากกว่าเงินที่ใหลเข้ามา
ทั้งนี้ วิกฤตในขณะนี้ทั้งยุโรป และอเมริกาเองตอนนี้สถานการณ์ไม่ดีนัก จะทรงตัวต่อไปเช่นนี้อีกระยะหนึ่ง ในส่วนธนาคารต่างๆ ในเอเชียเองก็มีความเป็นห่วงที่จะออกมาตรการบางอย่างออกมารองรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี โอกาสของการบังคับใช้มาตรการลดดอกเบี้ยออกมา อาจเป็นแนวทางเลือกที่ทำให้ค่าเงินบาทมีทิศทางที่ดีขึ้น สามารถอ่อนค่าลงได้บ้าง แต่ถ้าสังเกตุจากการออกข้อบังคับต่างๆ ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ทำมา มีหลายมาตรการที่ส่งผลในทางลบต่ออัตราแลกเปลี่ยน แต่ไม่รุนแรงถึงขนาดใช้มาตรการแช่แข็งค่าเงินอย่างที่หลายฝ่ายกังวล
