xs
xsm
sm
md
lg

KSAM เน้นให้ยิลด์สูง ตั้งเป้าสินทรัพย์รวมโต 20%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.กรุงศรี ตั้งเป้าสินทรัพย์เติบโตในปีนี้ 20% เน้นสร้างผลตอบแทนที่ดีเป็นจุดขาย มองภาพการลงทุนให้เพิ่มน้ำหนัก สินทรัพย์เสี่ยงมากกว่าบอนด์ มองหุ้นไทยราคาไม่ถูกแต่ผันผวน รวมทั้งทองคำที่ไม่โด่นเด่นในปีนี้

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมของกองทุนรวมในปีที่ผ่านมา กองทุนหุ้นให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน จากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้น 35.75% จากสิ้นปี 2554 โดยทั้งอุตสาหกรรมสามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 40.5% แต่ผู้ลงทุนยังคงกระจุกตัวลงทุนอยู่ในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงทำให้ได้รับผลตอบแทนที่ค่อนข้างต่ำ ดังนั้น ในปีนี้จึงแนะนำจัดพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทางบริษัทก็มีการออกกองทุนทาร์เก็ตฟันด์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาด และกำลังเตรียมที่จะออกองทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ ที่ให้ผลตอบแทนในระดับ 7-8%

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในปี 2555 สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการอยู่ที่ 153,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2554 กว่า 50,000 ล้านบาท คิดเป็น 48% และมีจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 54% ส่วนในปีนี้ตั้งเป้าสินทรัพย์เติบโตที่ 181000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% และโดยเน้นการเติบโตในทุกธุรกิจมีแผนที่จะออกกองทุนใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับภาวะตลาดเพิ่มขึ้น โดยเน้นการขายผ่านธนาคารกรุงศรีอยุธยาเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันมีการขายกองทุนรวมผ่านแบงก์อยู่ประมาณ 60,000 ราย

“ในปีนี้ บลจ.กรุงศรีจะยังไหลเข้าสม่ำเสมอเพราะการสร้างผลตอบแทนที่ดี มากกว่าการเน้นให้ของแถม ดังนั้นในปีนี้จึงเป็นการแข่งขันในเรื่องของผลตอบแทนมากกว่า และการให้ลูกค้าเลือกลงทุนตามเป้าหมายของตนเอง” นายฉัตรพีกล่าว

นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.กรุงศรี จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมของการลงทุนในปีนี้เงินลงทุนยังไหลออกจากตลาดประเทศพัฒนาแล้วเข้าสู่ตลาดเอเชียต่อไปรวมทั้งประเทศไทย โดยในส่วนของประเทศจีนเริ่มมีความน่าสนใจเพราะตลาดเริ่มปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากตัวเลขการขายบ้านที่เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ที่น่าจับตามองต่อไปคืออินเดียที่ปัจจุบันเงินเฟ้อที่สูงในระดับ 20% ซึ่งเพิ่มขึ้นมาจากราคาอาหาร

ขณะที่ประเทศไทยในช่วงครึ่งปีแรกนี้ จีดีพีของไทยจะเติบโตเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 1 ถึงไตรมาสที่ 2 เพราะจากนโยบายรถยนต์คันแรกที่ยังมีการส่งมอบอยู่ และคาดว่า บริษัทจดทะเบียนในปีนี้จะเติบโตที่ 17% ส่งผลให้ระดับ P/E หุ้นไทยปัจจุบันขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 13 เท่า เป็นระดับที่ไม่ถูกแล้ว แต่หากจะมองว่าเป็นฟองสบู่นั้น ดัชนีจะต้องขึ้นไปถึงที่ระดับประมาณ 2,000 จุดจึงจะเริ่มส่งกังวลในเรื่องฟองสบู่

“หุ้นไทยในปีนี้มองว่าจะเคลื่อนไหวที่ระดับประมาณ 1,770 จุด และมีความผันผวน ส่วนอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะไม่ปรับเพิ่มขึ้นแล้วในปีนี้ แต่จะคงที่ต่อไปหากไม่มีปรัจจัยมากระทบให้ต้องลดลง การลงทุนในตราสารหนี้จึงต้องลงในตราสารที่อายุยาวขึ้น ด้านราคาทองคำในปีนี้จะไม่มีความหวือหวาและโดนเด่นเหมือนปีที่ผ่านๆ มา และมองกรอบราคาอยู่ที่ระดับ 1,550-1,700 เหรียญสหรัฐ” นายประภาสกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น