xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่น กองทุนดัง:กองทุนทริกเกอร์ฮอตสุด ๆ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจเพราะมีปัจจัยบวกที่สนับสนุนหลายประการ เช่น แนวโน้มเงินลงทุนทั่วโลกไหลเข้าตลาดหุ้นประเทศเกิดใหม่ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า ส่งผลให้การลงทุนในตลาดหุ้นได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น ทิศทางการบริโภคภายในประเทศเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลาย ๆ บลจ. ต่างออกกองทุนทริกเกอร์ฟันด์กันเป็นว่าเล่น
 

เริ่มกันที่ บลจ.กรุงศรี จำกัด เปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 4% พลัส 4% ทริกเกอร์ 1 ซึ่งให้ผลตอบจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มียอดเงินลงทุนเต็มมูลค่าโครงการภายในระยะเวลาเพียง 2 วัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการที่ผู้ลงทุนมอบความไว้วางใจและเชื่อมั่นในการบริหารจัดการกองทุนของบริษัทเป็นอย่างดี โดยล่าสุดบริษัทบริหารกองทริกเกอร์เข้าเป้าพร้อมกัน 2 กองทุนภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน และเพื่อเป็นการรองรับความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ที่มีนโยบายเน้นการลงทุนในตลาดหุ้นไทย บริษัทจึงเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 4% พลัส 4% ทริกเกอร์ 2 ต่อทันที

ส่วนกองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 4% พลัส 4% ทริกเกอร์ 2 อายุโครงการประมาณ 8 เดือน มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยลงทุนในบริษัทจดทะเบียนที่มีผลประกอบการดีในระยะกลางถึงยาว กองทุนดังกล่าวตั้งเป้าจ่ายผลตอบแทนเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นรวมกันประมาณ 8% กองทุนดังกล่าวมีจุดเด่นที่ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนเร็วขึ้นจากการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 4% หรือเท่ากับ 10.40 บาท ณ วันใดวันหนึ่ง หรือภายใน 5 วันทำการติดต่อกัน โดยบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในอัตราไม่น้อยกว่า 4% ของมูลค่าที่ตราไว้หรือ 0.40 บาทต่อหน่วย และครั้งที่ 2 อีก 4% เมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 10.93 บาท

ขณะที่ บลจ. ไอเอ็นจี ส่งกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ทริกเกอร์ 10% (9) มีนโยบายการลงทุนเหมือนกับกองทุนทริกเกอร์ (8) ซึ่งจุดเด่นจะอยู่ที่การเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่เร็วขึ้นจากการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.50 บาทต่อหน่วยขึ้นไป ณ วันทำการใด บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในอัตรา 5% ของมูลค่าที่ตราไว้หรือ 0.50 บาทต่อหน่วย ภายใน 5 วันทำการจากวันที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยบริษัทจะโอนเงินค่าขายหน่วยเข้าบัญชีธนาคารให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน และครั้งที่สอง เมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 11 บาทต่อหน่วย

“ข้อดีของการลงทุนในรูปแบบนี้อยู่ที่ เมื่อตลาดอยู่ในภาวะผันผวนลูกค้าจะสามารถลดความเสี่ยงโดยบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุน 0.50 บาทต่อหน่วยออกไปก่อน และนำผลตอบแทนไปลงทุนต่อเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนเพิ่มได้ ขณะเดียวกัน การตั้งเป้าหมายการลงทุนในตลาดหุ้นที่ 11.00 บาทต่อหน่วยด้วยการบริหารการลงทุนแบบ Absolute Return ซึ่งเป็นการบริหารการลงทุนด้วยการตั้งเป้าหมายผลตอบแทนในตลาดหุ้นในระดับที่ไม่สูงมากนัก โดยเราคาดว่าจะสามารถบริหารเพื่อให้ได้ผลตอบแทนตามเป้าหมายได้ภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเหมือนกับทุกกองทุนที่ผ่านมา”

ด้าน บลจ. ทิสโก้ เสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 3 ซึ่งเป็นกองทุนรวมผสมแบบกำหนดสัดส่วนการลงทุน โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี และเงินฝากในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงจะมีการลงทุนในตราสารแห่งทุนในประเทศไม่เกิน 30% มีอายุโครงการประมาณ 1 ปี หรือสามารถเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการ หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 5.5 % หลังหักค่าใช้จ่าย ซึ่งขณะนี้ NAV ของกองทุนดังกล่าว ( ณ วันที่ 25 ม.ค. 56) สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ 5.5% แล้ว

"ช่วงที่เราเปิดขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 3 เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังเผชิญกับความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ในยุโรป ดัชนีหุ้นทั่วโลกปรับลงอย่างรุนแรง ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นไทย แต่ทิสโก้มองว่าจังหวะดังกล่าวเป็นโอกาสในการลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการลงทุนในแบบที่ความเสี่ยงไม่สูงนัก แต่ต้องการแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก จึงควรเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี ในช่วงที่ราคาหุ้นยังถูกอยู่ นอกเหนือจากการลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว เพื่อช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน ในช่วงที่ราคาหุ้นดีดกลับ ซึ่งทุกอย่างได้เป็นตามที่ทิสโก้คาดไว้ ทำให้กองทุนดังกล่าวสามารถปิดกองทุนดังกล่าวได้ก่อนครบกำหนด สร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ 5.5% ภายในเวลา6 เดือนเท่านั้น ซึ่งถือว่าได้ผลตอบแทนที่ดีการฝากเงินเพียงอย่างเดียวค่อนข้างมาก"
กำลังโหลดความคิดเห็น