กองทริกเกอร์บูมทั้งหุ้น-ตราสารหนี้ บลจ.ไอเอ็นจีเผยแค่ 2 วันยอดจองเต็ม 4.3 พันล้านบาท เชื่อหุ้นไทยยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก ด้านทิสโก้ไม่น้อยหน้าโชว์ผลงานกองตราสารหนี้แบบทริกเกอร์ ทำผลตอบแทนเข้าเป้า 5.5% ภายใน 6 เดือน
นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากประสบความสำเร็จจากการขาย “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ทริกเกอร์ 10% (8)” โดยใช้เวลาเสนอขายเพียงแค่ 2 วันโดยมียอดจองซื้อสูงถึง 4.3 พันล้านบาท ล่าสุด บลจ.ไอเอ็นจี ยังประสบความสำเร็จจากการเสนอขาย “กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ทริกเกอร์ 10% (9)” ซึ่งใช้เวลาในการเสนอขายเพียงแค่ 2 วันเช่นกัน โดยมียอดจองซื้อ 2.14 พันล้านบาท ซึ่งเต็มมูลค่าเงินลงทุนของโครงการ
“ปัจจัยที่สนับสนุนให้กองทุนทริกเกอร์ 10% (9) ประสบความสำเร็จอย่างดี โดยสามารถปิดการจองซื้อหลังจากเปิดจองเพียงแค่ 2 วัน จากกำหนดเดิมที่จะเปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 18-25 มกราคมนั้น นอกจากจะมาจากภาพรวมของตลาดหุ้นไทยซึ่งมีทิศทางที่ดี โดยดัชนีราคาหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังมาจากความไว้วางใจในผลงานการบริหารของกองทุนในกลุ่ม “อีควิตี้ ทริกเกอร์” ภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ.ไอเอ็นจี ที่ประสบความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราสามารถปิดการขายได้ก่อนกำหนด” นายจุมพลกล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวด้วยว่า แม้ว่า ทิศทางของตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ผู้จัดการกองทุนจะใช้กลยุทธ์ในการจับจังหวะเข้าลงทุนในหุ้นในช่วงที่ตลาดมีการปรับฐาน ซึ่งจะเป็นโอกาสในการเลือกหุ้นลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีหลายบริษัทที่ยังอยู่ในระดับที่ไม่แพง ดังนั้น จึงมั่นใจว่าเราจะสามารถบริหารทั้ง 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย ทริกเกอร์ 10% (8) และ (9) จะใช้เวลาในการลงทุนเพื่อเข้าสู่ผลตอบแทนเป้าหมายได้ในเวลาไม่นานนัก ขณะเดียวกัน ความสำเร็จจากกองทุนในกลุ่ม “อีควิตี้ ทริกเกอร์” ยังเป็นการยืนยันถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อการบริหารจัดการกองทุนตราสารทุนหรือกองทุน “อีควิตี้” ของ บลจ.ไอเอ็นจี ได้เป็นอย่างดี
ด้าน นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า จากที่บริษัทได้ทำการเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 3 ซึ่งเป็นกองทุนรวมผสมแบบกำหนดสัดส่วนการลงทุน โดยกองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี และเงินฝากในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงจะมีการลงทุนในตราสารแห่งทุนในประเทศไม่เกิน 30% มีอายุโครงการประมาณ 1 ปี หรือสามารถเลิกกองทุนก่อนครบกำหนดอายุโครงการ หากสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 5.5 % หลังหักค่าใช้จ่าย ซึ่งขณะนี้ NAV ของกองทุนดังกล่าว ( ณ วันที่ 25 ม.ค. 56) สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ 5.5% แล้ว
"ช่วงที่เราเปิดขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล โบนัส 3 เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังเผชิญกับความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ในยุโรป ดัชนีหุ้นทั่วโลกปรับลงอย่างรุนแรง ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นไทย แต่ทิสโก้มองว่าจังหวะดังกล่าวเป็นโอกาสในการลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการลงทุนในแบบที่ความเสี่ยงไม่สูงนัก แต่ต้องการแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก จึงควรเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี ในช่วงที่ราคาหุ้นยังถูกอยู่ นอกเหนือจากการลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว เพื่อช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน ในช่วงที่ราคาหุ้นดีดกลับ ซึ่งทุกอย่างได้เป็นตามที่ทิสโก้คาดไว้ ทำให้กองทุนดังกล่าวสามารถปิดกองทุนดังกล่าวได้ก่อนครบกำหนด สร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ 5.5% ภายในเวลา6 เดือนเท่านั้น ซึ่งถือว่าได้ผลตอบแทนที่ดีการฝากเงินเพียงอย่างเดียวค่อนข้างมาก"