บลจ.ฟินันซ่าปลื้มปีงูใหญ่ AUM โต 36.59% ทยานแตะ 3.45 ล้านบาท ตั้งเป้าปีนี้โตต่อเนื่องอีก 37% เตรียมส่ง 3 กองอสังหาฯ เพิ่มทางเลือกนักลงทุน ชูผลตอบแทนเฉลี่ย 7-8% มั่นใจเสียงตอบรับดี พร้อมมองตลาดหุ้นยังไปต่อได้ คงเป้า 1,471 จุดในปีนี้ เตรียมปรับเพิ่มเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยหลังเศรษฐกิจ และกำไร บจ.ยังเติบโตดี
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ฟินันซ่า เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มขึ้นเป็น 34,553 ล้านบาท จากสิ้นปี 54 ที่ 29,313 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 36.59% โดยในปี 56 ตั้งเป้าจะเพิ่ม AUM ขึ้นเป็น 47,186 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 37% โดยความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากการที่ บลจ.ฟินันซ่ามีผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าคู่แข่งโดยเฉพาะ ตราสารหนี้ ซึ่งเราให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในระบบ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่นกองทุนเอเซี่ยนคอนซัมชั่นฟันด์ (FAM ACF) และกองทุนฟินันซ่าหุ้นปันผล (FAM DEF) ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจมาก และในแง่ของผู้ถือหน่วยลงทุนมีการเติบโตขึ้นมากเป็น 1 หมื่นบัญชี จากสิ้นปี 54 ที่ 3,000 บัญชี หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่า โดยปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้าอีก 37% เช่นเดียวกัน
“โดยตั้งเป้าการเติบโตของกองทุนรวมในปีนี้ 40% กองทุนส่วนบุคคล 196% และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโต 36% จากการที่ลูกค้าและนักลงทุนเริ่มรู้จัก บลจ.ฟินันซ่ามากขึ้นในแง่ผลตอบแทนและระบบการจัดสรรสินทรัพย์ประเภทต่างๆ (Asset Allocations)”
นายธีรพันธุ์ยังกล่าวอีกว่า ในปีนี้จะเสนอกองทุนอสังหาริมทรัพย์อีก 3 กองทุน มูลค่า 4,300 ล้านบาท ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7-8% ซี่งเป็นผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากในปัจจุบันค่อนข้างมาก ถือเป็นทางเลือกทางการลงทุนให้แก่ผู้มีเงินออมได้เป็นอย่างดี โดยกองทุนแรกเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์คลังสินค้า มูลค่า 1,400-1,500 ล้านบาท เป็น Freehold และ Leasehold 50:50 ซี่งคาดว่าจะออกได้ภายในไตรมาส 1/56 อีกกองทุนเป็น Office Building 800-1,000 ล้านบาท และกองทุนที่สามเป็นกองทุนคลังสินค้าเช่นเดียวกัน มูลค่า 1,300-1,400 ล้านบาท นอกจากนี้ ในส่วนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ตรินิตี้ (TNPF) จะมีการเพิ่มทุนอีกประมาณ 694 ล้านบาทในช่วงเดือน มี.ค. จะทำให้มูลค่ากองทุนเพิ่มขึ้นเป็น 1,400 ล้านบาท และน่าจะมีการเพิ่มทุนได้อีกครั้งภายในปีนี้
“มุมมองตลาดหุ้นไทย บริษัทยังมองในเชิงบวก โดยมีเป้าที่ 1,471 จุดในปีนี้ โดยกำลังอยู่รองบไตรมาสที่ 1 ก่อนที่จะมีการปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีปีนี้ขึ้นไปอีก เพราะมองว่าตลาดหุ้นไทยปัจจุบันแม้จะแพงกว่าในอดีต แต่เมื่อมองแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน เชื่อตลาดหุ้นยังปรับตัวต่อจากนี้ได้”
นายสุรสีห์ จงไชโย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารกองทุน สายงานการจัดการลงทุน บลจ.ฟินันซ่า กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทยังมองการลงทุนในหุ้นน่าสนใจ และแผนที่จะออกกองทุนประเภททริกเกอร์ฟันด์ทั้งในและต่างประเทศเพิ่มเติมหลังจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จจากการบริหารกองทุนเปิดฟินันซ่าทริกเกอร์ฟันด์ 8% ภายใน 23 วัน แต่ตลาดหุ้นไทย ณ ระดับปัจจุบัน upside เหลือไม่มากนัก อาจต้องรอตลาดหุ้นปรับตัวลงมาที่ประมาณ 1,300 จุด จะมีความน่าสนใจอีกครั้ง ในส่วนทริกเกอร์ต่างประเทศมองโอกาสไว้ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และจีน ซึ่งยังมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรค่อนข้างดี และเศรษฐกิจน่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
“ตลาดหุ้นไทยในช่วงสองปีที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นมาเฉลี่ย 17% ต่อปี ในปีนี้มองการเติบโตไว้ที่ 10-15% ถือเป็นการเติบโตที่ปกติ ในอดีตตลาดหุ้นไทยเทรดที่ส่วนลดประมาณ 20% ของ PE ภูมิภาค แต่ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยขึ้นมาเทรดใกล้เคียงกับตลาดภูมิภาค ปัจจุบันสัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (PE) ที่อีกประมาณ 14 เท่าถือว่าไม่แพง และก็ยังคงเติบโตได้โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐที่จะเกิดขึ้น 2.2 ล้านล้านบาท จะทำให้เศรษฐกิจไทยและบริษัทจดทะเบียนเติบโตขึ้นได้ในระยะยาว”
