xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.ทิสโก้ออกทริกเกอร์ฟันด์ เน้นลงทุนหุ้นจีนตั้งเป้ายิลด์ 8 เปอร์เซ็นต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ทิสโก้เข็นกองทุน “ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8%” หลังเศรษฐกิจจีนโตเกินคาด เริ่มไอพีโอ 21-28 ม.ค. 56

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้เปิดเสนอขาย “กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% # 8” กองทาร์เกตฟันด์ลงทุนในหุ้นจีน โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนผ่านกองทุนอีทีเอฟต่างประเทศ ได้แก่ กองทุน Hang Seng H-Share Index ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยมีนโยบายการลงทุนในตราสารทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Hang Seng China Enterprise (HSCEI) หรือ H-Shares โดยมีอายุโครงการประมาณ 8 เดือน หรือสามารถเลิกโครงการก่อนครบกำหนดอายุโครงการ ผลตอบแทน 8% มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท เริ่มไอพีโอตั้งแต่ 21-28 ม.ค. 56

“การเข้าลงทุนในตลาดหุ้นจีนขณะนี้นับเป็นทางเลือกที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนและรับผลตอบแทนที่ดีขึ้น เนื่องจากราคาหุ้นยังอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวโดดเด่น ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นจีนอยู่ในทิศทางขาขึ้น และน่าจะปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทได้แนะนำการลงทุนหุ้นจีนมาโดยตลอด พร้อมทั้งนำเสนอกองทุนที่ตอบโจทย์การลงทุนดังกล่าวในช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสมมาโดยตลอดผ่านกองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า ทริกเกอร์ 8% ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก และด้วยความโดดเด่นของตลาดหุ้นจีน รวมถึงความต้องการลงทุนที่ยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับจังหวะเวลาที่เหมาะแก่การเข้าลงทุน จึงได้เปิดเสนอขาย กองทุนดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์การลงทุนอย่างตรงจุด และเชื่อว่ากองทุนดังกล่าวจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดิม” นายสาห์รัชกล่าว

ด้านนางสาววรสินี สังวรเวชภัณฑ์ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ทิสโก้ เวลธ์ เปิดเผยว่า ทิสโก้ เวลธ์ แนะนำการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงด้วยการเพิ่มพอร์ตลงทุนในตลาดหุ้นจีน เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของจีนมีสัญญาณการเติบโตโดดเด่น โดยล่าสุดทางการจีนได้ประกาศตัวเลขการขยายตัวของจีดีพีในไตรมาส 4 ของปี 2555 ซึ่งเติบโตสูงถึง 7.9% ขณะที่ตัวเลขจีดีพีทั้งปีเติบโต 7.8% ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่ทางการจีนได้ประมาณการไว้ที่ 7.5% ซึ่งมุมมองของทิสโก้ เวลธ์ ได้ประเมินว่าจีดีพีของจีนในปี 2555 จะเติบโตสูงกว่าตัวเลขที่ทางการได้ประมาณการไว้อยู่แล้ว

สำหรับในปีนี้เศรษฐกิจจีนยังได้รับแรงสนับสนุนจากดัชนีชี้นำต่างๆ ที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้ตัวเลขจีดีพีในปี 2556 นี้จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าจะมีการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 8% ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นจีนมีความน่าสนใจก็คือ ราคาหุ้นที่ยังอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาบ้างแล้ว รวมถึงประเด็นเรื่องการเคลื่อนย้ายของกระแสเงิน (Fund Flow) ทั่วโลก ซึ่งตั้งแต่ต้นปีตลาดหุ้นจีนมี Fund Flow ไหลเข้ามากที่สุดในโลกหนุนดัชนีหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้นการลงทุนในตลาดหุ้นจีนจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในขณะนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสจากการลงทุนให้ได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ แนะนำการลงทุนในตลาดหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (H-Shares) มากกว่าการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ (A-Shares) เนื่องจาก ตลาดหุ้น H-Shares จะได้ประโยชน์จากสภาพคล่องที่ล้นระบบมากกว่า A-Shares เนื่องจากการที่นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนทำได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ ตลาดหุ้น H-Shares เป็นตลาดที่มีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นต่างประเทศสูงกว่า ทำให้ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่า A-Shares


กำลังโหลดความคิดเห็น