xs
xsm
sm
md
lg

KTAM จ่ายปันผลกองหุ้น KTSE พร้อมเปิดขาย 2 กองบอนด์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.กรุงไทย จ่ายปันผลกองทุนหุ้น “ซีเล็คทีฟ อิควิตี้ฟันด์” (KTSE) ในอัตรา 2.00 บาทต่อหน่วย หลังผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีพุ่งกว่า 30% พร้อมเปิดขายกอง 2 บอนด์ อายุ 1 ปี ชูยิลด์สูง ด้าน บลจ.กรุงศรี เปิดขายกองบอนด์ KFFIF6M5

นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนเปิดกรุงไทยซีเล็คทีฟ อิควิตี้ฟันด์ (KTSE) ครั้งที่2/2556 ในวันที่ 23 เมษายน นี้ ในอัตรา 2.00 บาทต่อหน่วย ซึ่งในปีนี้จ่ายเงินปันผลไปแล้วทั้งสิ้น 3.50 บาทต่อหน่วย กองทุนKTSE มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในสัดส่วนไม่เกิน 30 หลักทรัพย์ เป็นกองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด และจากการจัดอันดับกองทุนของ Morningstar กองทุน KTSE มีผลตอบแทนสูงเป็นอันดับต้นๆของอุตสาหกรรม

สำหรับผลการดำเนินงาน นับตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 31 มีนาคม 2556 อยู่ที่ 30.54% ในขณะที่ผลการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอยู่ที่ 12.15% ผลการดำเนินงานที่ดีของกองทุน KTSE เกิดจากการที่บริษัทได้เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็ก ที่ผู้จัดการกองทุนมองเห็นว่าบริษัทเหล่านี้ สามารถทำกำไรได้ในอนาคต มีปัจจัยพื้นฐานดี และเป็นบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จากทางภาครัฐ หุ้นในกลุ่มอื่นๆ ที่ได้รับประโยชน์นอกจากปัจจัยที่ได้กล่าว เช่น กลุ่มท่องเที่ยว ขนส่ง และกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์จากการเปิดเสรีการค้าอาเซียนด้วย (AEC)

ทั้งนี้ แม้ว่าในช่วงเดือนเมษายนตลาดหุ้นมีความผันผวนค่อนข้างสูง แต่บริษัทเห็นว่าแนวโน้มในระยะยาวของตลาดยังคงดีอยู่ และถือว่าเป็นการปรับฐานหลังจากที่ปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี ถือเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่จะเข้าลงทุน ประกอบกับภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจโลกก็เริ่มปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น บริษัทได้ให้เป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในประเทศ ณ สิ้นปี 2556 อยู่ที่ 1,755 จุด

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเปิดขายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 34 (KTFF34 ) ในวันที่ 18-23 เมษายน 2556 อายุ 1 ปี มูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ ประกอบด้วย ในเงินฝากประจำ Bank of China, ECP ค้ำประกันโดย SBER Bank, MTN ออกโดย Itau Unibanco S.A. และ ECP ค้ำประกันโดย VTR Bank ในสัดส่วน 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และส่วนที่เหลือลงทุนตราสารในประเทศ ประกอบด้วย เงินฝากประจำธนาคารธนชาต และหุ้นกู้ ตั๋วแลกเงิน สถาบันการเงิน/บริษัทเอกชน ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.20% ต่อปี

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6เดือน1 ( KTSIV6M1 ) เป็นกองทุนประเภท Roll Over ถึงวันที่ 22 เมษายนนี้ อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในเงินฝาก/บัตรเงินฝาก/ตั๋วแลกเงินของธนาคารออมสิน, ธนาคารเกียรตินาคิน และธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ในสัดส่วน 43% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และส่วนที่เหลือลงทุนในตั๋วแลกเงินภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ A- ขึ้นไป ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.80% ต่อปี สามารถซื้อผ่านสาขาธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ

ด้านนายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงศรี จำกัด กล่าวว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศ 6M5 (KFFIF6M5) อายุประมาณ 6 เดือน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคาร Union National Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 20% เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาขามาเก๊า, สาธารณรัฐประชาชนจีน) สัดส่วนการลงทุน 10% เงินฝากธนาคาร Commercial Bank of Qatar (กาตาร์) สัดส่วนการลงทุน 10% ตราสารหนี้ ECP รับประกันโดยธนาคาร Sberbank of Russia สัดส่วนการลงทุน 20%

ส่วนตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Banco Santander Brasil S.A. (บราซิล) สัดส่วนการลงทุน 20% และตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Banco Itau Unibanco S.A (บราซิล) สัดส่วนการลงทุน 20% และกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 3.00% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น