“กิตติรัตน์” ยอมรับ ธปท. เสนอมาตรการดูแลค่าเงินบาทมาให้คลังพิจารณาเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่มีมาตรการลดดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมปัด ครม.ประชุมลับปลดผู้ว่าฯ ธปท. ยันไม่เป็นเรื่องจริง เพียงแต่ทาง ธปท.ได้ทำหนังสือมายังตน ซึ่งเป็นหนังสือที่ตีตราลับ ตนเองก็มีหน้าที่รายงาน ครม. เป็นวาระลับ
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งรายงานผลการหารือเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมาระหว่างกระทรวงการคลัง และ ธปท.เกี่ยวกับสถานการณ์และการดูแลค่าเงินบาทมาให้ตนได้พิจารณา โดยได้รายงานว่า มีการหารือกันในประเด็นใด และมีแนวทางอย่างไร เช่น หากเงินบาทแข็งค่าไประดับใดจะดำเนินการอย่างไร เป็นต้น แต่จะต้องมีการหารือกับกระทรวงการคลังก่อนที่จะดำเนินการมาตรการใดๆ
“ในจำนวนมาตรการที่เสนอมานั้น ไม่ได้มีมาตรการเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ย หรือถ้ามีก็อธิบายสาเหตุที่ไม่ควรปรับลด ผมเรียนว่า เรื่องมาตรการในการดูแลค่าเงินบาทนั้น เราเพิ่งได้ยินมาในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมาเท่านั้นเอง ดังนั้น ถ้าจะให้บ่นย้อนหลังก็คือ ที่ผ่านมาผมได้พูดเต็มที่ว่า ผมห่วงเรื่องการขาดทุนของ ธปท.และห่วงเงินไหลเข้า แต่ทางธปท.ไม่เคยบอกว่า จะทำอย่างไร ระหว่างนั้น บาทก็แข็งมาเรื่อยๆ”
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ใช้ในปัจจุบันนั้น ได้ทำให้เกิดส่วนต่างผลตอบแทนในการลงทุน จะเห็นได้ว่า ปริมาณเงินที่ไหลเข้ามาที่พันธบัตรส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรของ ธปท.ซึ่งกรณีที่ผู้บริหาร ธปท.ออกมาระบุว่า เงินที่ไหลเข้ามานั้น เพราะเศรษฐกิจดี ซึ่งตนก็มีข้อสังเกตว่า ถ้าเศรษฐกิจดี เงินจะไหลเข้าไปที่ตลาดหุ้น หรือการลงทุนอื่นที่มีผลตอบแทนผันแปรตามเศรษฐกิจที่ดี แต่การลงทุนพันธบัตรนั้นจะอยู่ที่อัตราดอกเบี้ยตายตัวมากกว่า ไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจดี
“การเข้าลงทุนในตลาดพันธบัตรนั้น เป็นการลงทุนที่มีผลตอบแทนตายตัว ไม่ใช่เรื่องดอกเบี้ย แต่ถ้าเศรษฐกิจดีอย่างเดียว และอัตราดอกเบี้ยไม่ได้เป็นส่วนต่าง นักลงทุนคงอยากเข้าตลาดหุ้นมากกว่า เพราะส่วนต่างมีจำนวนที่มีนัยสำคัญ โดยเฉพาะตั้งแต่ต้นปี จำนวนที่เข้าพันธบัตรมากกว่าทุกอย่างรวมกัน จึงสังเกตว่าดอกเบี้ยเป็นประเด็น”
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวระบุว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2556 ที่ผ่านมา เป็นการประชุมลับเพื่อปลดผู้ว่าการ ธปท.นั้น รมว.คลัวกล่าวว่า ไม่เป็นเรื่องจริง เพียงแต่ทาง ธปท.ได้ทำหนังสือมายังตนซึ่งเป็นหนังสือที่ตีตราลับ ผมก็มีหน้าที่รายงาน ครม.เป็นวาระลับ