xs
xsm
sm
md
lg

UOBKH ขายหุ้น บล.ยูไนเต็ด “ประพล มิลินทจินดา” ซื้อหมด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 บล.ยูโอบีเคย์เฮียน ขายหุ้น บล.ยูไนเต็ด หมดหน้าตัก 93.47% ให้ “ประพล มิลินทจินดา” พร้อมพวก รุกเตรียมทำเทนเดอร์ออฟดฟอร์ต่อ ด้านกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่ยืนยันเดินหน้าธุรกิจหลักทรัพย์ครบวงจร หลังการลงทุน และปรับปรุงแล้วเสร็จสิงหาคมนี้ ล่าสุด ส่ง “ไชยา ยิ้มวิไล, วิษณุ เครืองาม,ไพสิฐ แก่นจันทน์ และศิริพร ทองคำ” นั่งกรรมการบริษัท

บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (UOBKH) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2556  ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม 2556 ได้มีมติให้จำหน่ายไปซึ่งเงินลงทุนทั้งหมดในหุ้นของ บล.ยูไนเต็ด จำกัด (มหาชน) (US) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทให้แก่ นายประพล มิลินทจินดา และกลุ่มบุคคลตามที่นายประพล ระบุ  ซึ่งหากมีการจำหน่ายเกิดขึ้น จะถือเป็นการจำหน่ายไปซึ่งเงินลงทุนในบริษัท บล.ยูไนเต็ด จนเป็นเหตุให้ บล.ยูไนเต็ด สิ้นสุดสถานะการเป็นบริษัทย่อยของบริษัท

    ด้าน บล.ยูไนเต็ด  เปิดเผยว่า บริษัทได้รับแจ้งจาก UOBKH ว่า ได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นนายประพล มิลินทจินดา และกลุ่มบุคคล โดยขายหุ้น จำนวน 157,796,396 หุ้น คิดเป็นจำนวนร้อยละ 93.47 ของหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท ในราคาที่ชำระเป็นจำนวนเท่ากับ 936,370,251.12 บาท หรือคิดเป็นราคาราคาซื้อขายต่อหุ้นเท่ากับ 5.934 บาท และในปัจจุบัน เงื่อนไขและหน้าที่ตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้นทั้งหมดได้ปฏิบัติ และสำเร็จครบถ้วนแล้ว

 ในการนี้ นายประพล มิลินทจินดา จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท และมีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เพื่อซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ รวมทั้งสิทธิของการเป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ฯ ธุรกิจตราสารหนี้ และธุรกิจการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุนรวม

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (30 เม.ย.) ได้มีมติอนุมัติการโอนทรัพย์สินของบริษัท ได้แก่ สิทธิของการเป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้แก่ UOBKH  รวมทั้งธุรกิจตราสารหนี้ และธุรกิจการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุนรวมให้แก่ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ด้วย โดยธุรกิจตราสารหนี้ และธุรกิจการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุนรวม ประกอบด้วย ลูกค้าและพนักงานของธุรกิจตราสารหนี้, ลูกค้าและพนักงานของธุรกิจการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุนรวม และสินทรัพย์อื่นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจข้างต้น

ขณะเดียวกัน บริษัทได้รับแจ้งจาก นายประพล มิลินทจินดา ผู้ถือหุ้นรายใหญ่คนใหม่ของบริษัท ซึ่งยืนยันว่า มีความประสงค์ที่จะดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ และ/หรือ ธุรกิจอื่นใดของบริษัทต่อไป โดยมีแผนการดำเนินธุรกิจ ดังนี้

1.จะดำเนินการเตรียมยื่นเอกสารขั้นตอนเพื่อกลับเข้าดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ใหม่ตามใบอนุญาตทั้ง 5 ใบที่บริษัทฯ มีอยู่เดิมในช่วงตกแต่งสถานประกอบการแห่งใหม่ให้เสร็จภายใน 2 เดือน เพื่อให้สำนักงาน ก.ล.ต. อนุมัติคู่มือ

 2.บริษัทฯ จะดำเนินการรับสมัครทีมผู้บริหาร และพนักงานทุกระดับที่มีประสบการณ์สูงในธุรกิจนี้เข้ามาให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเปิดดำเนินการที่คาดว่าจะภายในเดือนที่ 4

3.ทีมผู้บริหารจะให้ความสำคัญทั้งธุรกิจค้าหลักทรัพย์ ตัวแทนนายหน้า และธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนควบคู่กันไป 4.บริษัทฯ จะเจาะตลาดที่เป็นลูกค้ารายกลาง และรายใหญ่ในช่วงแรก และจะขยายสาขาไปตามจุดต่างๆ ที่มีศักยภาพไม่ว่า กทม. หรือต่างจังหวัด โดยทีมงานในพื้นที่ที่เข้าถึงลูกค้าในเขตนั้นๆ ภายในระยะเวลา 1 ปี

 5.บริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ และข้อมูลการลงทุนที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้า รวมถึงนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่จะมาใช้บริการของบริษัทฯ ในอนาคต ด้วยการจัดสัมมนากลุ่มย่อยเป็นระยะๆ โดยทีมงานวิจัยที่มีคุณภาพควบคู่ไปกับทีมบริการของเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาการลงทุน (Investment advisor)

 6.บริษัทฯ จะพัฒนาธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน (Investment banking) และธุรกิจรับประกันการจำหน่าย (Underwriting) ภายในสิ้นปี 2013 นี้เพื่อรองรับธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินที่กำลังขยายตัวอย่างมากในปัจจุบัน โดยจะรับทีมงานที่มีความสามารถ และประสบการณ์สูงมารองรับธุรกรรมนี้ซึ่งสามารถสร้างรายได้อย่างมากในปัจจุบัน และอนาคต โดยเฉพาะการนำบริษัทเข้าจดทะเบียน (IPO) และการควบรวมกิจการ (M&A) เป็นต้น

7.บริษัทฯ ยังมีแผนการในการยื่นขอใบอนุญาตทำที่ปรึกษาการลงทุนแบบ Private Fund และศึกษาช่องทางการออกไปดำเนินธุรกิจในตลาดต่างประเทศ ในประเทศใกล้เคียง อีกทั้งมองหาพันธมิตรทางธุรกิจจากต่างประเทศควบคู่กันไปเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าการลงทุนในระยะยาว และต่อยอดธุรกิจในอนาคต

 8.บริษัทฯ จะไม่หยุดที่จะพัฒนาธุรกิจการให้บริการตัวแทนนายหน้าค้าหลักทรัพย์ทั้งตลาดตราสารทุน (Equity) และตลาดตราสารอนุพันธ์ (Derivative) โดยการพัฒนาบริการต่างๆ ให้ทันสมัย และสะดวกรวดเร็ว และพร้อมจะลงทุนในระบบเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าว่า “ทำไมต้องเลือกใช้บริการของเราเท่านั้น”

ทั้งนี้ ในช่วงก่อนการโอนธุรกิจตราสารหนี้ และธุรกิจการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุนกองทุนรวม และการโอนสิทธิการเป็นสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้แก่ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน โดยบริษัทประมาณการว่า จะมีรายได้จากการลงทุนในหลักทรัพย์ และรายได้อื่นตามที่ได้ชี้แจงข้างต้น และหลังจากนั้น บริษัทจะมีรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ และนายหน้าค้าหลักทรัพย์ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2556 เป็นต้นไป

 ล่าสุด ที่ประชุมได้อนุมัติแต่งตั้ง 1.นายไชยา ยิ้มวิไล 2.นายวิษณุ เครืองาม 3.นายไพสิฐ แก่นจันทน์ และ 4.น.ส.ศิริพร ทองคำ เข้ามาเป็นกรรมการบริษัทจากการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทในครั้งนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น