เกียรตินาคินวาดแผนต่อยอดธุรกิจเต็มที่หลังควบรวมภัทรฯ เสร็จสิ้น ตั้งเป้าสินเชื่อรวมโต 19% เดินหน้าขยายการลงทุน และรุกบริการที่ปรึกษาการลงทุนให้แก่ลูกค้าเงินฝาก พร้อมดูแลรายย่อยกลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษ
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานธุรกิจธนาคารพาณิชย์และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KK) เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของธนาคารในปีนี้ว่า จะเน้นต่อยอดธุรกิจภายหลังการควบรวมกับทุนภัทร และ บล.ภัทร เสร็จสิ้นในไตรมาส 4 ของปี 2555 โดยในส่วนของธุรกิจธนาคารพาณิชย์นั้น ตั้งเป้าสินเชื่อรวมจะเติบโตที่ 19% ในส่วนของสินเชื่อรายย่อยเติบโต 16% ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน 76% ของสินเชื่อรวม และ 34% ในส่วนของสินเชื่อธุรกิจ โดยการคาดการณ์อยู่ในสมมติฐานเศรษฐกิจเติบโต 4-5% อัตราดอกเบี้ยนโยบายทรงตัวที่ 2.75%
ด้านกำไร และรายได้ของธนาคารในปีนี้มีโอกาสที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายหลังการรับรู้รายได้จากควบรวมกิจการอย่างเต็มที่ โดยคาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ (NIM) จะอยู่ที่ 3.7% จากสิ้นปีก่อนที่ 3.9% ซึ่งเป็นการลดลงจากต้นทุนเงินฝากที่สูงขึ้นตามการแข่งขัน ประกอบกับการที่ธนาคารหันไปเพิ่มอัตราการขยายตัวในส่วนของสินเชื่อธุรกิจก็ทำให้ผลตอบแทนด้านดอกเบี้ยไม่สูงเท่าสินเชื่อรายย่อย แต่ธนาคารก็จะมีสัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นจากทุนภัทรมาชดเชย
“เรื่องหนี้รายย่อย ครัวเรือน เช่าซื้อที่แบงก์ชาติตีความนั้น ก็เป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เป็นเรื่องของวัฏจักรที่คนก่อหนี้มากขึ้น ก็ทำให้บางส่วนขาดความสามารถในการชำระหนี้ไป ซึ่งอันนี้ต้องดูที่เนื้อใน หรืออย่างกรณีรถคันแรกนั้น ก็เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงกว่ากลุ่มอื่น ซึ่งตรงนี้เรามีปล่อยกู้อยู่ 2 หมื่นคัน และมีทีมที่ติดตามดูอยู่แล้ว เพื่อหากเกิดความผิดปกติขึ้จะได้แก้ไขทัน”
ล่าสุด ธนาคารได้ร่วมกับ ภัทร ในการดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนให้แก่ลูกค้าเงินฝากกลุ่ม Priority Banking ของธนาคาร ที่มีศักยภาพด้านเงินฝาก และการลงทุนตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป โดยลูกค้าจะได้รับบริการทั้งด้านเงินฝาก และด้านการลงทุน โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนจาก ภัทร คอยให้คำปรึกษาการลงทุนในผลิตภัณฑ์การเงินต่างๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรก้าวสู่การเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่สามารถให้บริการต่อลูกค้าเป้าหมายได้อย่างดีที่สุด
